Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กันยายน 2550
ฮาริสันฯรุกตลาดใน-นอกประเทศ ดึงคอนโดฯแคนาดาขายเศรษฐีไทย             
 


   
www resources

โฮมเพจ ฮาริสัน

   
search resources

Real Estate
ฮาริสัน, บมจ.
กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์




ฮาริสันฯเดินหน้าเต็มตัวเจาะตลาดทั้งในและต่างประเทศต่าง ดึง “The Ritz-Carlton” คอนโดฯหรูในแคนาดาทำตลาดในประเทศ เจาะกลุ่มนักลงทุนกระเป๋าหนักภูมิภาคเอเชีย พร้อมเตรียมนำเข้าอสังหาฯอังกฤษ-ออสเตรเลียทำตลาดต่อ แจงตั้งเป้ารายได้ในงาน 200ล้านบาท เผยยอดขาย7เดือน 5,600 ล้านบาท ระบุนักลงทุนสิงคโปร์ครองแชมป์ซื้อคอนโดฯในไทยเพื่อลงทุนกว่า 50%

นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วง 7เดือนแรกของปี 2550 บริษัทมียอดขายแล้ว 5,600 ล้านบาทจากเป้า8,000 ล้านบาท ทั้งนี้หลังจากที่ ฮาริสัน นำโครงการอสังหาริมทรัพย์ไปโรด์โชว์ยังต่างประเทศปรากฏว่าได้รับดีมาก โดยมียอดขายจากการโรดโชว์ 800 ล้านบาท ในขณะเดียวกันพันธมิตรของ บริษัทฮาริสันฯ เห็นว่าตลาดในเมืองไทยน่าจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากอัตราการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังขยายตัวอยู่โดยเฉพาะในส่วนของตลอดคอนโดมิเนียม

ดังนั้น จึงได้ตกลงให้บริษัทฯ เป็นตัวแทนบริหารการขาย โครงการ คอนโดมิเนียม The Residence at The Ritz-Carlton, Toronto ในประเทศแคนนาดามีมูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท โดยแบ่งห้องชุดประมาณ 10% มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายเฉพาะในส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มลูกค้าไฮเอนในประเทศ และนักลงทุนในกลุ่มภูมิภาคเอเชีย อาทิ ฮ่องกง ,มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่เดินทางเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย

ทั้งนี้ การจัดโรดโชว์โครงการดังกล่าวในครั้งนี้ บริษัทได้ซื้อฐานลูกค้าจากบริษัทแห่งหนึ่งประเทศสิงคโปร์ ที่มีลูกค้าไฮเอน จำนวน 2,000 รายมูลค่า 500,000 บาท และได้รับการการันตีว่า ฐานลูกค้าดังกล่าวจะเข้ามาชมงานไม่ต่ำกว่า 50 ราย ในขณะเดียวกัน ฮาริสันมีฐานลูกค้าไฮเอนในประเทศอยู่แล้ว 2,000 ราย โดยตั้งเป้าว่างานนี้จะมีผู้เข้าชมงานต่อวัน 50-80ราย และวางเป้ายอดขายว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ 2-3 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 40 ล้านบาท

“หากการจัดกิจกรรมการตลาดครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทั้งในส่วนของยอดขาย และจำนวนผู้เข้าชมงาน บริษัทคาดว่าจะนำโครงการอสังหาฯในประเทศอังกฤษ และออสเตรเลีย เข้ามาทำตลาดในประเทศต่อเนื่อง และในอนาคตจะมีการนำอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอื่นที่มีพันธมิตรเข้ามาขายอย่างต่อเนื่อง และหลังจากนี้อีก2สัปดาห์ จะนำโครงการดังกล่าวไปโรดโชว์ต่อที่ฮ่องกงและสิงคโปร์”

สำหรับงานงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-9 ก.ย. โรงแรม Marriott Resort and Spa โดยโครงการ The Residence at The Ritz-Carlton, Toronto นี้จะเป็นโครงการ ที่ตั้งอยู่ในเมืองโตรอนโต เป็นเมืองทางเศรษฐกิจและการเงินที่สำคัญของแคนาดา และมีการเติบโตของตลาดอสังหาฯอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันนโยบายของบริษัทฯ หันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาด ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งการนำโครงการในประเทศไปทำตลาดต่างประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป และนำโครงการศักยภาพต่างประเทศเข้ามาทำตลาดให้กับนักลงทุนในประเทศ ที่ต้องการลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ โดยตลาดที่ตอบรับดีมากคือตลาดสิงคโปร์ โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายถึง50%ของยอดขายในต่างประเทศ ในซึ่งสนใจโครงการระดับกลางราคา1.5-3 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุสำคัญที่นักลงทุนสนใจซื้ออสังหาฯในประเทศเพื่อลงทุนเพราะ บริษัทการันตีผลตอบแทนจากการลงทุนให้ 7-8% ขณะเดียวกันก็ยังบริหารการขายและดูแลทรัพย์ของลูกค้าให้ด้วย

“โครงการที่บริษัทนำไปโรดโชว์ในต่างประเทศและได้ผลตอบรับดีมากคือ โครงการเดอะลิงค์ ของบริษัท ธารารมณ์ เอสเตท จำกัด เนื่องจากอยู่ในทำเลที่ดี และราคาขายตรงกับความต้องการลูกค้า ทำให้ยอดขายสูงถึง 30ยูนิต ส่วนหนึ่งที่ลูกค้าตัดสินใจลงทุนในประเทศไทยเพราะอนาคตระยะยาวเชื่อว่าตลาดไทยยังขยายตัวได้อีกมาก ประกอบกับอสังหาฯในไทยยังมีราคาที่ต่ำเมื่อเทียบกับอสังหาฯในต่างประเทศ สำหรับค่านายหน้าในการบริหารการขายให้ลูกค้านั้น หากเป็นการนำอสังหาฯไปโรด์โชว์ในเอเชีย จะคิดค่าทำตลาด 6% ในยุโปร12% และหากขายในประเทศคิด3% ในขณะที่นำโครงการต่างประเทศมาทำตลาดในเมืองไทยจะคิดที่ 4% ”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us