Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 กันยายน 2550
'ใบโพธิ์'รับยอดสินเชื่อปีนี้หลุดเป้า             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารไทยพาณิชย์

   
search resources

ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ.
Banking and Finance
หยกพร ตันติเศวตรัตน์




แบงก์ไทยพาณิชย์ยอมรับการปล่อยสินเชื่อปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่หากเทียบในตลาดยังถือว่าเติบโตกว่าคู่แข่งขัน ส่วนสถาบันเงินฝากน่าจะส่งผลดีต่อแบงก์ขนาดใหญ่เหตุช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความมั่นคง ด้านดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่มีการขอปรับลดลงนั้น แนะควรปล่อยไปตามกลไกตลาด

นายหยกพร ตันติเศวตรัตน์ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริหารความเสี่ยง ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในปีนี้น่าจะไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จะมีการขยายตัวอยู่ที่ 20% โดยน่าจะทำได้อยู่ที่ประมาณ 13-15% ซึ่งแม้จะเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่หากเทียบกับคู่แข่งขันถือว่ายังเป็นการขยายตัวที่สูงกว่า โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อไปได้ประมาณ 30-40% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนครึ่งปีหลังน่าจะปล่อยสินเชื่อได้มากกว่าช่วงครึ่งปีแรก

สำหรับสถาบันประกันเงินฝากซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้านั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เนื่องจากผู้ฝากเงินจะรู้สึกมั่นใจกับธนาคารที่มีความมั่นคง นอกจากนี้ยังคาดหวังว่าการมีสถาบันประกันเงินฝากนี้จะทำให้ธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินสมทบให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลดลง จากปัจจุบันที่จ่ายเงินสมทบ 0.4 % แต่ละปีธนาคารจ่ายเงินสมทบให้กับกองทุนฟื้นฟู 2,000-3,000 ล้านบาท

"เราเชื่อว่าการมีสถาบันประกันเงินฝากจะเป็นประโยชน์กับเรา อย่างน้อยก็น่าจะมีเงินจากที่อื่นเข้ามา แต่ก็คงมีความไหลออกบ้าง และคาดหวังว่าเงินที่ต้องจ่ายสมทบ 0.4% นั้นคงจะลดลงมาบ้าง ก็จะดีขึ้นมาก ส่วน Basel 2 ซึ่งจะมีขึ้นปีหน้านั้นทุกคนก็เตรียมพร้อมกันหมดแล้วไม่น่าจะมีอะไร ส่วนการแข่งขันในปีหน้ายังคงรุนแรงเหมือนทุกปี ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เรามีหน้าที่เพียงเตรียมตัวให้พร้อมกับการแข่งขันเท่านั้น"นายหยกพรกล่าว

นอกจากนี้ ผลจากธุรกิจชะลอตัว สิ่งที่เป็นห่วงคือเรื่องของคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งในจุดนี้ธนาคารมีนโยบายเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ สำหรับยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังเป็นตัวเลขที่ควบคุมได้ และยังไม่มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ส่วนเรื่องของการสำรองหนี้จัดชั้นยังเป็นการสำรองปกติสำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท จะเป็นกลุ่มที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น สินค้าเกษตร และกุ้งแช่แข็ง เมื่อผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ก็กดราคาสินค้าที่เป็นวัตถุดิบ หรือต่อรองกับคู่ค้าต่างประเทศ เพื่อหวังลดต้นทุน และให้ธุรกิจอยู่รอดได้

นายหยกพรกล่าวถึงกรณีที่ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ยื่นหนังสือต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้พิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ว่า อัตราดอกเบี้ยของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ให้ตลาดเป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ผู้ประกอบการแข่งขันให้ดอกเบี้ยต่ำในกลุ่มลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำได้ และไม่ควรกำหนดเพดานขั้นสูง เพราะการกำหนดเพดานจะทำให้ผู้บริโภคที่ใช้สินเชื่อนอกระบบเข้ามาใช้สินเชื่อในระบบได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us