Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 กันยายน 2550
เอเวอร์แลนด์ฯเตรียมขายบริษัทลูก             
 


   
www resources

โฮมเพจ เอเวอร์แลนด์

   
search resources

Real Estate
เอเวอร์แลนด์, บมจ.




ตระกูลโลจายะ ตัดขายหุ้นในบริษัทมายรีสอร์ทฯ เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการมายโฮมสุวินทวงศ์ ให้แก่บริษัท นิวฮาร์เบอร์วิลล์ฯ จำกัด หลังมีภาระต้องจ่ายหนี้และหาแหล่เงินพัฒนาโครงการต่อ เหตุD/E สูงกว่า 2 เท่า สถาบันการเงินไม่เสี่ยงปล่อยกู้ แถมหลักประกันที่มีอยู่จดจำนองกับแบงก์หมด ยันบริษัทเอเวอร์แลนด์ฯโครงการที่อยู่พัฒนาและขายอีกหลายโปรเจกต์

นายสวิจักร์ โลจายะ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ให้อนุมัติขายหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัท มายรีสอร์ท จำกัด (บริษัทถือหุ้น 99.99%) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการมายโฮมสุวินทวงศ์เฟส 2-10 โดยคาดว่าจะก่อสร้างบ้านเดี่ยวจำนวน 1,179 หลัง มูลค่าโครงการประมาณ 8,000 ล้านบาท ให้แก่ผู้ซื้อคือ บริษัท นิวฮาร์เบอร์วิลล์ จำกัด มีนายอนุชาติ โปรา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ซึ่งจะชำระเงินภายใน 45 วัน นับจากวันลงนามในสัญญา

สาเหตุที่มีความจำเป็นในการขายหุ้นบริษัทดังกล่าว เนื่องจากที่ดินมีขนาดใหญ่จำนวน 500 กว่าไร่ จำเป็นต้องใช้เงินทุนในการพัฒนาสูง และต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเป็นระยะเวลานาน และตั้งแต่ที่บริษัท มายรีสอร์ทฯ ได้ซื้อที่ดินแปลงมาเป็นเวลาประมาณ 3 ปี ยังมิได้พัฒนาเพื่อสร้างรายได้กลับคืนให้แก่บริษัท ขณะที่สินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทและบริษัทย่อย ได้นำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ยืมกับสถาบันการเงินและบุคคลภายนอก ดังนั้น จึงไม่มีทรัพย์สินใดที่ปลอดภาระผูกพัน ซึ่งบริษัทจะสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกัน ในการกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงินได้เพิ่มเติม

นอกจากนี้ บริษัทมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาและมีความจำเป็นต้องมีกระแสเงินสดในการดำเนินการ แม้ในช่วงที่ผ่านมา ได้ชำระหนี้คืนเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเสร็จสิ้น และพยายามหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน แต่ด้วยหนี้สินต่อทุนในระดับสูงเกินกว่า 2 เท่า ทำให้การหาแหล่งเงินกู้ยืมจึงไม่ประสบความสำเร็จ

"วิธีการจำหน่ายเงินลงทุน จะช่วยลดจำนวนทรัพย์สินที่ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปัจจุบัน โดยการพัฒนาโครงการในเฟสที่ 2-10 นี้ อาจต้องใช้ระยะเวลาอีก 3 ปี ภายหลังการพัฒนาโครงการในเฟสที่ 1 เสร็จสิ้น จึงจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ ดังนั้นบริษัทอาจต้องถือทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ นับตั้งแต่การซื้อคืนจากเจ้าหนี้เป็นเวลารวมทั้งสิ้นถึง 6 ปี ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดภาระผูกพัน ที่บริษัทต้องชำระค่าหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 229,271,200 บาทให้แก่บริษัทมายรีสอร์ทฯ ส่งผลให้หนี้สินต่อทุนลดต่ำจาก 2.08 เท่า เหลือเพียง 1.57 เท่า "นายสวิจักร์ กล่าว

สำหรับการขายหุ้นในบริษัท มายรีสอร์ท จำกัด จะมีจำนวน 44,999,994 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยงบการเงินของบริษัท มายรีสอร์ทฯ ณ วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 450 ล้านบาท โดยในด้านฐานะการเงินของบริษัทมายรีสอร์ทฯ ถึงวันที่ 31 ก.ค.2550 มีสินทรัพย์รวม 220 ล้านบาท หนี้สิน 0.25 ล้านบาท รายได้ 7.19 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการโอนที่ดินของบริษัทมายรีสอร์ทฯให้แก่บริษัท เอเวอร์แลนด์ฯ จำนวนกว่า 16 ไร่ ตามแผนการจัดสรรโครงการในเฟสที่ 1

นายสวิจักร์ กล่าวถึงแผนการใช้เงินจากการขายหุ้นบริษัทมายรีสอร์ทฯ ที่จะเกิดขึ้นจากการทำรายการประมาณ 259.53 ล้านบาท จะนำไปชำระคืนหนี้บุคคลภายนอก 107.87 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการ 151.66 ล้านบาท

ทั้งนี้ แม้บริษัทจะจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทมายรีสอร์ทฯไปแล้ว ทางบริษัทเอเวอร์แลนด์ฯยังมีทรัพย์สินหลักที่ปัจจุบันพัฒนาแล้วและอยู่ระหว่างการขาย ได้แก่ โครงการ โครงการมายโฮมเทพารักษ์ ตั้งอยู่บนที่ดินจำนวน 19-3-17ไร่ บนถนนเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งก่อสร้างเป็นโฮมทาวน์ 3 ชั้น จำนวน194 ยูนิต คาดว่าจะดำเนินการขายเสร็จสิ้น และปิดโครงการได้ภายในปี พ.ศ 2551

โครงการมายวิลล่า บางนา ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและอาคารชุดพักอาศัย ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสรรพาวุธ เขตบางนา กทม.รวม 262 ยูนิต คาดว่าจะปิดโครงการภายในปี 2551 นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการในอนาคต 2 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,851 ล้านบาท

โครงการมายโฮมสุวินทวงศ์ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เป็นโครงการซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินที่สุวินทวงศ์เนื้อที่ประมาณ 120ไร่ และอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะก่อสร้างและขายในลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวจำนวนประมาณ 254 ยูนิต ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุญาตจัดสรร และวางแผนด้านการขาย คาดว่าจะสามารถเปิดโครงการได้ประมาณปลายปี 2550 นี้ โดยมีระยะเวลาในการขายและพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี ตั้งแต่ปลายปี 2550 ถึง 2552

โครงการมายโฮมเชียงใหม่ มูลค่าโครงการ1,600 ลบ. เป็นโครงการภายใต้การดำเนินการของบริษัท ณัฐนันท์พัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทเอเวอร์แลนด์ฯถือหุ้นอยู่ 99.99% ตั้งอยู่บนทีดินที่ อ. แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ประมาณ 170 ไร่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ และจะก่อสร้างและขายในลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวจำนวนประมาณ 500 ยูนิต ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุญาตจัดสรรโครงการและวางแผนด้านการขายในเฟสที่ 1 มีมูลค่าโครงการประมาณ 610 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างเป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 239 ยูนิต คาดว่าจะสามารถเปิดโครงการได้ ประมาณปลายปีนี้ 2550 นี้ โดยมีระยะเวลาในการขายและพัฒนาโครงการตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงปี 2553   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us