Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 กันยายน 2550
บิ๊กรับเหมาหันบุกงานนอก             
 


   
search resources

อนุกูล ตันติมาสน์
Construction




บริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ เพิ่มแรงสปีดหันบุกงานนอกประเทศ หลังตลาดก่อสร้างภาครัฐและเอกชนในประเทศชะลอตามภาวะเศรษฐกิจ บิ๊กช.การช่าง หนีรับงานสร้างเขื่อนประเทศลาว ล่าสุดได้งานสร้างเขื่อนไชยบุรีมูลค่ากว่า 90,000 ล้านบาทเสือนอนกินไปอีกอย่างน้อย 4-5 ปี แถมงานสร้างถนนในกัมพูชาอีก 2 สาย ด้าน"เนาวรัตน์พัฒนการฯ" ร่วมทุนกับพันธมิตรประมูลงานทุกอย่าง "ซินเท็ค คอนสตรัคชั่นฯ"บินสู่ประเทศดูไบ เจาะตลาดรับเหมาก่อสร้างอาคารสูง

การขาดตอนของการลงทุนโครงการระบบสาธารณูปโภคและโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ของรัฐบาล และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ปัจจัยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ลดความต้องการซื้อในระยะนี้ เพื่อรอการเมืองและการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีเพียงตลาดคอนโดมิเนียในเมืองที่มีอัตราเติบโตตามความต้องการซื้อ ขณะที่ภาคการก่อสร้าง ถูกแรงคลื่นจากปัจจัยลบข้างต้น ทำให้การแข่งขันของบริษัทรับเหมาก่อสร้างมีความรุนแรงขึ้น

นายอนุกูล ตันติมาสน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน บริหารมนุษย์และบริหารทั่วไป บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปัจจุบันว่า ยังคงกระจายงานทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งงานภายในประเทศยังคงเป็นงานภาครัฐบาล การก่อสร้างทางด่วน ถนนวงแหวน และล่าสุดได้ก่อสร้างด่านเก็บค่าผ่านทางถนนวงแหวนมูลค่างาน 2,000 ล้านบาท ส่วนอาคารสูงยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทช.การช่าง ได้ขยายออกไปรับงานยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศลาว ได้งานก่อสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าจำนวนหลายแห่ง ได้แก่ เขื่อนน้ำงึม 2 มูลค่า 30,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างไปเมื่อปีที่ผ่านมาคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2544 นอกจากนี้ยังได้งานก่อสร้างเขื่อนน้ำบาก 1 และ 2 มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปลายปีนี้ ล่าสุดประมูลงานก่อสร้างเขื่อนไชยบุรี มูลค่าถึง 90,000 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในปี 2551 ซึ่งงานก่อสร้างทั้งหมดสามารถรองรับการดำเนินงานของบริษัทไปได้อีกอย่างน้อย 4-5 ปี

นายอนุกูล กล่าวว่า นอกจากงานก่อสร้างเขื่อนในประเทศลาวที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว บริษัทยังได้งานก่อสร้างถนนในประเทศกัมพูชา อีก 2 เส้นทาง มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งงานเหล่านี้ล้วนเป็นการแสดงถึงศักยภาพของบริษัท และถือเป็นใบเบิกทางให้บริษัทได้รับงานก่อสร้างในโครงการอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น

สำหรับภาวะธุรกิจก่อสร้างในประเทศไทยในปีนี้ ถือว่ามีการชะลอตัวลงไปบ้าง เนื่องจากช็อคจากภาวการณ์เมือง แต่ถือว่าชะลอไม่มากนัก โดยที่ผ่านมาบริษัทยังคงรับงานก่อสร้างเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งงานราชการ และงานก่อสร้างภาคเอกชน ในส่วนของแนวโน้มเป้าหมายรายได้ทั้งนี้ คงต้องรอประเมินงานรับเหมาก่อสร้างที่จะเข้าในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จากปัจจุบันที่บริษัทมีมูลค่าโครงการที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยในครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้อยู่ประมาณ 13,000-14,000 ล้านบาท

นายวัชรพันธ วัชราภัย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของบริษัท แม้ว่าจะมีความพร้อมในการเข้าประมูลงานก่อสร้างทุกรูปแบบ โดยมีแผนที่จะร่วมทุนกับบิรษัท โอบายาชิ, บริษัทซิฟโก้ เพื่อเข้าประมูลงาน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแต่อย่างใด สำหรับงานก่อสร้างในปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท เป็นงานในประเทศ 80% ส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้าง สะพาน ถนน ท่าเรือ โดยงานที่ถนัดคือการก่อสร้างสะพานและอุโมงค์ ส่วนอีก 20% เป็นงานประเทศ ได่แก่ เวียดนาม กัมพูชาและดูใบ ซึ่งคู่แข่งสำคัญในย่านนี้ คือ จีน และเกาหลี

"บริษัทรับเหมารายใหญ่ๆในประเทศจะต้องออกไปรับงานยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากๆ เพื่อไปสู่ตลาดที่ใหญ่กว่า ส่วนงานในประเทศขณะนี้ยังมีอยู่ต่อเนื่อง เพราะเป็นงานที่ประมูลในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนงานประมูลใหม่ของภาครัฐในปัจจุบันมีน้อยมาก คงต้องรอรัฐบาลหน้าเข้ามาบริหารงาน"

นายสมชาย ศิริเลิศพินิช กรรมการผู้จัดการ บริษัทซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มประมาณ 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทคาดหวังว่าจะชนะการประมูลงานไม่น้อยกว่า 400-500 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปรับงานที่ประเทศดูไบ โดยจะเข้าไปรับงานอาคารสูง ซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและมีความชำนาญ ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร(พาร์ทเนอร์)รายใหญ่ประมาณ 2 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนประมาณเดือนกันยายนหรืออย่างช้าที่สุดก็ประมาณปลายปีนี้

ส่วนแผนจะเข้าไปลงทุนในประเทศอื่น ๆ ในแถบประเทศตะวันออกกลางเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ทางบริษัทคงจะต้องพิจารณาก่อนว่า หลังจากที่บริษัทเข้าไปรับงานที่ดูไบแล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่ หากประสบความสำเร็จบริษัทก็มีแผนที่จะเข้าลงทุนในประเทศอื่น ๆ รวมทั้งในเอเซีย

“ตอนนี้เรากำลังคุยกับทางพาร์ทเนอร์รายใหญ่อยู่ประมาณ 2 ราย ที่ประเทศดูไบ โดยโครงการที่เราจะเข้าไปทำนั้นก็คงจะเป็นโครงการอาคารสูง ซึ่งเป็นงานที่เรามีความเชี่ยวชาญและมีความชำนาญ ในเบื้องต้นเราจะเข้าไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่ดูไบและเข้าถือหุ้นประมาณ 50% ทั้งนี้ เราคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอย่างเร็วที่สุดก็ภายในเดือนกันยายนหรือถ้าช้าสุดก็คงจะเป็นปลายปีนี้”

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% จากปี 2549 ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,438.69 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีงานในมือมูลค่าประมาณ 7,300 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องอีก 2 ปี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us