ธุรกิจอาหารยังไปได้สวย สวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา ซี.พี ค้าปลีก เทกระเป๋ากว่า 1,100 ล้านบาท ขยายโรงงานการผลิตทั้งในส่วนของอาหารและเบเกอรี่ รวมไปถึงโครงการ “อยู่หอ เรียนฟรี มีรายได้” พร้อมสยายปีกผุดไลน์สินค้ากลุ่มอาหารพร้อมรับประทานแช่เย็น เริ่มทดลองตลาดแล้วตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดเตรียมเพิ่มช่องทางขายสู่แคธอรี่เซอร์วิสในปีหน้า มั่นใจสิ้นปีนั่งรับทรัพย์กว่า 4,000 ล้านบาท โตขึ้น 25%
นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซี.พี ค้าปลีก และการตลาด เปิดเผยว่า ธุรกิจอาหารถือเป็นธุรกิจหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยปีนี้ยังคงไปได้เรื่อยๆ จะเน้นการแข่งขันในเรื่องของการให้บริการและเซอร์วิสต่างๆ เนื่องจากในตลาดมีผู้เล่นหลายราย ลูกค้ามีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น ขณะที่ราคายังถือเป็นอีกปัจจัยหนุ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ
จากการที่ธุรกิจอาหาร ถือเป็น 1ในปัจจัย4 ทำให้มีความต้องการของตลาดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นในปีนี้ไปจนถึงปีหน้าทางบริษัทฯมีแผนที่จะขยายโรงงานเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง รวมแล้วใช้งบประมาณในการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,100 ล้านบาท ได้แก่ 1. ขยายไลน์การผลิตอาหารพร้อมรับประทานแช่เย็นใช้งบประมาณ 350 ล้านบาท บนพื้นที่ของโรงงาน ใน อำเภอ ลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอาหาร แช่แข็งพร้อมรับประทานแบรนด์ อีซี โก และมังกรหยก และเบเกอรี่ ในแบรนด์ เบเกอร์แลนด์,เลอแปง และมิสแมรี่ อยู่ก่อนแล้ว
โดยไลน์อาหารพร้อมรับประทานแช่เย็น ได้เริ่มวางสินค้าในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นแล้วประมาณ 50 สาขา เพื่อทดลองตลาด เบื้องต้นกับ 6 เมนู เช่น ข้าวกระเพราะไก่-หมู และข้าวไข่เจียวหมูสับเป็นต้น ในราคาจำหน่ายตั้งแต่ 35-45 บาทต่อกล่อง ภายใต้แบรนด์ อีซี โก และคาดว่าจะขยายให้ได้ 300 สาขาในสิ้นปีนี้
2.ขยายโรงงานผลิตเบเกอรี่ ในจังหวัดพิษณุโลก,ขอนแก่น และสุราษฎธานี ที่ละประมาณ 100 ล้านบาท รวมเป็นเงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งแต่ละแห่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 4,000 ตร.ม รองรับกำลังการผลิตคิดเป็นยอดขายที่ 100 ล้านบาท/เดือน ขณะที่โรงงานที่จังหวัดขอนแก่น คาดว่าจะเริ่มกำลังการผลิตได้ปลายปีนี้ ซึ่งสาเหตุที่ขยายโรงงานแห่งนี้ เนื่องจาก พื้นที่ภาคอีสานมีเศรษฐกิจที่ดี มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการขายเข้าสู่ประเทศลาวเช่นกัน โดยในอนาคต ซีพีเตรีบยมที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศลาวอย่างเต็มรูปแบบหลังจากเปิดตัวโรงงานแห่งนี้ด้วย
ส่วนโรงงานในจังหวัดพิษณุโลก คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2551 ส่วนโรงงานที่จังหวัดสุราษฏธานี คาดว่าจะเริ่มกำลังการผลิตได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2552 ซึ่งถือเป็นอีกโรงงานหนึ่งที่ขยายเพิ่มขึ้นจากเดิม ที่มีโรงงานอยู่แล้วในหาดใหญ่
3.โรงงานผลิตอาหารพร้อมรับประทานแบบแช่แข็ง ที่จังหวัดชลบุรี มูลค่าเงินลงทุนอีก 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2552
4.นอกจากนี้ยังมีโครงการ “อยู่หอ เรียนฟรี มีรายได้” เป็นโครงการนำร่องสร้างอาชีพให้กับแรงงานในต่างจังหวัด โดยเบื้อต้นจะคัดสรรนักเรียนที่เรียน หรือมีเกรดเฉลี่ยอยู่ในระดับ 2.5 เข้าร่วมโครงการจำนวน 500 คน เข้ามาทำงานในโรงงานที่ลาดหลุมแก้ว เป็นระยะเวลา 3 ปี เมื่อครบกำหนดแรงงานเหล่านี้จะได้วุติการศึกษาระดับ ปวช.ไปด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าว ทางซีพีได้ใช้เงินลงทุนจำนวน 150 ล้านบาท ในการสร้างหอพัก และศูนย์การเรียนซีพีแล็ป ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปบ้างแล้ว คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ในปีการศึกษา2551นี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังมีแผนในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่อีกด้วย คือ การขยายสินค้าเข้าสู่ช่องทางโรงเรียน, การจัดสัมมนา และการจัดเลี้ยง ในรูปแบบกลยุทธ์การตลาดแบบแคธอรี่เซอร์วิส คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ผประมาณต้นปี 2551 เป็นต้นไป
สำหรับรายได้ในส่วนของค้าปลีกปีนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรกว่า 300 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 25% จากปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน 55% และเบเกอรี่ 45% ขณะที่อาหารพร้อมรับประทานมาจากการส่งออกถึง45%ทั้งในอังกฤษ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกงและยุโรป
|