Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2535
"โยกย้ายผู้บริหารโอสถสภาฯ ก็ยังขาดแคลนมืออาชีพ"             
 


   
search resources

โอสถสภา, บจก.
สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์
Pharmaceuticals & Cosmetics




เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมอันเป็นช่วงที่เกมการเมืองของไทยกำลังคุกรุ่นไปด้วยปัญหาโครงสร้างของรัฐบาล ที่มติของประชาชนส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า น่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นสำคัญให้นายกฯ จะต้องมาจาก ส.ส. นั้น ในบริษัทโอสถสภา (เต๊กเฮงหยู) ก็เกิดเหตุการณ์ปรับโครงสร้างการบริหารกันใหม่บ้างเหมือนกัน

แม้เบื้องหน้าจะสร้างฉากสวยหรูในการปรับตำแหน่งบุคลากรครั้งใหม่โดยยกตำแหน่งสูง ๆ ให้ลูกหม้อรับผิดชอบ ดูราวกับว่าเป็นการปูนบำเหน็จให้คนเก่าแก่ก่อนเกษียณอายุก็ตาม แต่เบื้องหลังกลับมีคำกล่าวกันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายปรับโครงสร้างครั้งใหญ่นี้มีที่มาที่ไปอย่างฉุกละหุกเลยทีเดียว

แม้ในวันเปิดแถลงข่าวดูเหมือนว่า "สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์" ก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับการเช็กข่าวความมีเสถียรภาพของรัฐบาลยังคงอยู่หรือไม่ เล่นเอาต้องเลื่อนเวลาในการแถลงข่าวซึ่งนัดหมายในช่วงเช้าไปเป็นบ่ายโมง

ปัจจุบันสุรัตน์ยังคงรักษาสถานภาพการเป็นสมาชิกพรรคกิจสังคมอย่างไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าจะเป็นคนละสายกับหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันก็ตาม แต่เขาก็ยังให้การสนับสนุนพรรคตลอดอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในเวลานี้ที่พรรคกิจสังคมได้เข้าร่วมรัฐบาลบริหารประเทศชาติด้วย และที่สำคัญผู้ที่นั่งคุมกระทรวงสาธารณสุขก็เป็นคนของพรรคกิจสังคมอีกด้วย

แม้การเมืองจะเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ในชั่วขณะหนึ่งสุรัตน์ก็อาจจะได้อะไรจากความไม่แน่นอนของการเมืองเหมือนที่เขาเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สมัยพลเอกเปรม

เบื้องหลังความฉุกละหุกดังกล่าวนี้จึงกลายเป็นที่มาของปุจฉาที่ว่า สุรัตน์จะทำอะไรและเขาหวังอะไรจากการปรับโครงสร้างนี้?

ประเด็นที่น่าจับตามองในการเคลื่อนไหวของโอสถสภาฯ ในขณะนี้ก็คือ การปรับเปลี่ยนตัวผู้บริหารทั้งคนเก่าแก่ ก้นหม้อและคนหนุ่มไฟแรง

ในกรณีของการเลื่อนชั้นปรับตำแหน่งใหญ่โตให้กับคนเก่าแก่ขึ้นสู่ที่สูงของโอสถสภาฯ นั้น ต่างเป็นที่รู้กันดีว่า นั่นคือโบนัสที่สุรัตน์ปูนบำเหน็จเป็นรางวัลแห่งความเหนื่อยยากที่คนอย่าง "ถนอม สุหฤดำรง" ก้นกุฏิของโอสถสภาฯ มอบใจถวายชีวิตในการทำงานให้กับโอสถสภาฯ อย่างซื่อสัตย์มาตลอดตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่มจนใกล้ปลดระวาง

ถนอมได้ขึ้นมาถึงชั้นรองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ นับว่าเป็นตำแหน่งผู้บริหารที่สูงเป็นอันดับรองจากสุรัตน์เลยทีเดียวก็ว่าได้

ขณะเดียวกันตำแหน่งด้านการตลาดต่างประเทศในโอสถสภาฯ นี้เป็นหน่วยงานที่คนในโอสถสภาฯ มักจะกล่าวกันว่าเป็นหน่วยงานอันไม่พึงประสงค์กับพนักงานที่ได้รับมอบหมายให้เข้ามาอยู่ในส่วนนี้เท่าไรนัก แม้จะเป็นหน่วยงานที่สุรัตน์เฝ้าผลักดันให้เติบโต

ถึงขนาดลงทุนลงแรงเปิดสาขาและตัวแทนจำหน่ายที่พม่า 1 แห่ง สิงคโปร์ 2 แห่งและอยู่ระหว่างการจัดตั้งที่อินโดนีเซียก็ตาม การบุกขยายรุกตลาดต่างประเทศของสุรัตน์กลับไม่เป็นผลไปตามคาดหวังของผู้นำโอสถสภาฯ เท่าที่ควร

เพราะอุปสรรคเพียงตัวเดียวเท่านั้นคือ บุคลากรไม่มีความมั่นใจในเสถียรภาพของตนเองเกี่ยวกับงานด้านต่างประเทศว่า เมื่อเขาทิ้งตำแหน่งในบริษัทแม่ไปเพื่อบุกลุยตลาดต่างประเทศให้กับโอสถสภาฯ แล้ว หากเขาจะหวนกลับเข้ามาใหม่จะหลงเหลืออะไรไว้เป็นตัวรองรับการกลับมาของเขาหรือไม่

ประวัติศาสตร์มักจะเป็นบทเรียนที่ควรค่าแห่งการจดจำ ประวัติศาสตร์ได้เกิดขึ้นซ้ำครั้งกับบุคลากรของโอสถสภาฯ จนหน่วยงานต่างประเทศกลายเป็นที่เข็ดขยาดกลัวของพนักงานทั่วไป

เช่นนี้แล้วการสานต่อธุรกิจต่างประเทศของโอสถสภาฯ จึงเป็นไปในลักษณะขาดตอนไม่ต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า เมื่อถนอมมาอยู่ในตำแหน่งนี้เขาจะทำอะไรได้บ้างกับเวลาที่เหลืออยู่

สุรัตน์กล่าวว่า การปรับโครงสร้างขององค์กรในครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ในตำนานการบริหารงานด้วยระบบครอบครัวโอสภานุเคราะห์ แรงเกื้อหนุนให้เกิดเช่นนี้เพราะโอสถสภาฯ ขาดมันสมองมืออาชีพอย่างมากมายจนเกิดช่องว่างระหว่างช่วง ขณะเดียวกันลูกหลานของโอสถานุเคราะห์ก็ยังคงต้องเรียนรู้งานในโอสถสภาฯ อีกมากมาย

หากสังเกตให้ดีการปรับโครงสร้างแต่ละครั้งของโอสถสภาฯ จะเป็นในลักษณะของการหมุนเวียนตำแหน่งต่าง ๆ ให้กับลูกหลานเพื่อได้เรียนรู้ก่อนการขึ้นมาเป็นใหญ่ในบริษัท

ธนา ไชยประสิทธิ์ ซึ่งเป็นลูกพี่สาวของสุรัตน์ (มีฐานะเป็นหลานของสุรัตน์) ก่อนหน้านี้ได้ถูกระบุให้เป็นผู้อำนวยการประจำสำนักงานกรรมการผู้จัดการ ก็ได้โยกย้ายไปดูแลด้านการพัฒนาธุรกิจ การจัดส่งสินค้าและการประชาสัมพันธ์เช่นเดียวกับประธาน ไชยประสิทธิ์ดูแลการตลาด 2 สินค้าเครื่องดื่ม ก็ได้ย้ายไปรับผิดชอบงานด้านการผลิต ในขณะที่วันทนีย์ เบญจกาญจน์ หลานสาวของสุรัตน์อีกคนหนึ่งมาควบคุมด้านการเงิน การบัญชีและกิจกรรมพิเศษ

อย่างไรก็ตามการโยกย้ายบุคลากรของบริษัทสู่ตำแหน่งที่ผลักดันให้สูงขึ้นนี้ เมื่อลูกหลานยังคงต้องเรียนรู้งานอีกมาก ผู้บริหารชั้นกลางได้ขึ้นสูง ตำแหน่งเดิมที่เปลี่ยนแปลงจึงมักไม่มีใครเข้าสวมรอยได้ทันที คงยังต้องรักษาการเป็นสองขาพวาปีกไปเช่นนั้น จนกว่าจะฝึกปรือคนรุ่นใหม่ได้สำเร็จ เช่น กรณี "สุนทร เก่งวิบูล" ผู้อำนวยการตลาด 3 สินค้าอุปโภค-บริโภค สามารถทำยอดขายตลาด 3 พุ่งขึ้นมาอยู่ในหลักพันล้านบาทจากการใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี

เมื่อสุนทรมีผลงานที่โดดเด่นสุรัตน์จึงตั้งสุนทรให้ขึ้นมาสูงขึ้นในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการรับผิดชอบสายงานที่ครอบคลุมทั้ง 3 ตลาดในขณะที่ตลาด 3 ที่สุนทรเคยเป็นผู้อำนวยการตลาดนี้มาก่อนก็ยังคงรักษาการอยู่ ก็เท่ากับว่าโอสถสภาฯ กำลังรอเวลาฝึกปรือลูกหม้อหรือไม่ก็รอมืออาชีพจากภายนอกเข้ามาแทนที่ แม้แต่ตัวสุรัตน์เองก็ยังต้องลงมาคุมในตำแหน่งรักษาการการตลาด 1 ซึ่งเป็นตลาดสินค้าประเภทยาและเวชภัณฑ์ อันเป็นสินค้าที่เคยมีปัญหาในยุครัฐบาลอานันท์มาแล้ว

ประเด็นนี้จึงน่าจะเป็นบทพิสูจน์อะไรได้อีกมากสำหรับทรัพยากรมนุษย์ขององค์กรโอสถสภาฯ เลยทีเดียว

การขาดแคลนบุคลากรของโอสถสภาฯ มิใช่เพียงตำแหน่งผู้บริหารเท่านั้น ทว่าตำแหน่งผู้นำองค์กรก็ขาดแคลนด้วยเช่นกัน สุรัตน์เป็นผู้นำตลอดกาลของโอสถสภาฯ นับจากมีการแบ่งมรดกความรับผิดชอบของพี่น้องในตระกูลเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาแล้ว

ขณะนี้สุรัตน์อยู่ในวัย 61 ปี หากเป็นราชการก็ปลดเกษียณไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วและคงมีคนใหม่ขึ้นแทนที่ไปแล้ว แต่นี่เป็นกิจการของครอบครัว การจะยอมปล่อยให้หม้อข้าวหม้อแกงของตนเองไปตกอยู่ในมือคนอื่นไม่ว่าจะเป็นลูกหลานหรือใครก็ตาม ย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างยากเย็น ขณะเดียวกันบารมีของคนรุ่นหลัง ๆ จวบจนวันนี้ ว่ากันว่ายังมองไม่เห็นใครสักคนที่จะมีบารมีพอที่จะขึ้นมาแทนที่สุรัตน์ได้ จะมีก็แต่เพียงว่าคนที่จะขึ้นมาดูแลให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อยได้เท่านั้น

ปัจจุบันสินค้าของโอสถสภาฯที่มีอยู่กว่า 200 ชนิดนี้สามารถทำรายได้ถึง 5,485 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้หลังจากการปรับขุนพลใหม่ ซึ่งสุรัตน์คาดว่าจะกลายมาเป็นการทำงานแบบทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งและจะสร้างกลยุทธ์เอาชนะคู่แข่งจนสามารถขยายเป้าหมายออกได้เป็น 7,000 ล้านบาทได้โดยที่มาของรายได้ดังกล่าวนี้มาจากตลาด 1 ซึ่งเป็นสินค้าประเภทยากว่า 1,000 ล้านบาท ตลาด 2 สินค้าประเภทเครื่องดื่มชูกำลังอันเป็นที่มาของรายได้กว่า 70% ของบริษัทหรือร่วม 5,000 ล้านบาทและตลาด 3 ร่วม 1,000 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us