|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2549
|
|
ตลาดกาแฟมีการแบ่งกลุ่มผู้เล่นที่ชัดเจนว่าใครจะทำตลาดตรงส่วนไหน หากเป็นกาแฟสดก็แข่งกันระหว่างแบรนด์นอกกับแบรนด์ไทย ระดับราคาก็เน้นลูกค้าระดับกลางขึ้นไป ส่วนกาแฟสำเร็จรูปก็มีรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน
แต่ตลาดที่ดุเดือดที่สุดก็คือ กาแฟกระป๋อง ที่สะดวกรวดเร็ว ราคาถูก และผู้บริโภคไม่ค่อยยึดติดแบรนด์เท่าไร เพราะส่วนใหญ่มองว่าก็คือกาแฟเหมือนๆ กัน ดื่มเพื่อเพิ่มปริมาณคาเฟอีนให้ร่างกาย และตลาดนี้มีผู้เล่นรายใหญ่หลายรายเข้ามาแข่งขันกัน
เนสกาแฟ กระทิงแดง และเจ้าตลาดอย่างเบอร์ดี้
พิเชียร คูสมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายิโนะ โมะโต๊ะ (ประเทศไทย) บอกว่า ตลาดกาแฟกระป๋องรสชาติเข้มข้น บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% และตลาดส่วนนี้เริ่มนิ่ง ไม่สามารถขยายกลุ่มผู้บริโภคให้เติบโตไปมากกว่านี้ได้แล้ว
"บริษัทต้องการขยายตลาด ขยายฐานลูกค้าออกไป และจาก การทำวิจัยพบว่ามีผู้บริโภคส่วนหนึ่งประมาณ 30% ของผู้ที่ดื่มกาแฟ กระป๋อง ต้องการกาแฟกระป๋องที่รสชาติไม่เข้มข้นมากนัก ต้องการความหวาน และรสชาติกลมกล่อม จึงน่าจะเป็นช่องทางใหม่ในการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น"
สินค้าตัวใหม่ของกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ จึงเกิดขึ้นในสูตร Rich & Smooth ลดความเข้มข้น แต่เพิ่มในส่วนของความหอม และ กลมกล่อม ซึ่งเขายอมรับว่า จะมีการแย่งลูกค้าบางส่วนจากเบอร์ดี้ รสชาติเดิมบ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกับยอดขาย แต่ที่เขาสนใจมากกว่านั้นก็คือ กลุ่มผู้บริโภคใหม่ที่จะเข้ามามากกว่า
"หากเรากินตลาดตัวเอง 1 ส่วน เราก็ต้องกินของคู่แข่ง 2 ส่วน" พิเชียรบอกถึงความตั้งใจในการทำสินค้าตัวใหม่ ที่เขาคาดหวังว่าปีแรกจะทำให้ทำยอดขายได้ประมาณ 6% จากยอดขายกาแฟ กระป๋องของเบอร์ดี้ทุกรสชาติ
ในขณะที่ตลาดกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ สามารถครองตลาดส่วนใหญ่ได้ แต่ตลาดกาแฟที่ร้อนแรงที่สุดอย่างกาแฟ 3 in 1 เบอร์ดี้ ยังไม่สามารถขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งหรืออันดับสองได้ ซึ่งตลาดนี้มีการเติบโตและมีมูลค่าตลาดถึงปีละ 10,000 ล้านบาท เขาเชื่อว่าตลาดกาแฟ 3 in 1 ยังเติบโตได้อีก เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น
ถ้าถามว่าตลาดกาแฟกระป๋องที่มีมูลค่าตลาดปีละ 8,900 ล้าน บาท ใหญ่โตขนาดไหน หลายคนคงนึกภาพไม่ออก ให้ดูตัวอย่างจาก เบอร์ดี้ดู
จากแคมเปญ 15 ปี แจกรถ 15 คันของเบอร์ดี้ที่จบลงไปนั้น จะสะท้อนภาพให้เห็นได้เด่นชัดที่สุด จำนวนฝาดึงบนกระป๋องกาแฟที่มีผู้บริโภคส่งมาชิงรางวัลมีจำนวนทั้งสิ้น 15 ล้านฝา จากระยะเวลา 15 สัปดาห์ของแคมเปญนี้
15 ล้านฝา คิดเป็นน้ำหนักได้ถึง 20,000 กิโลกรัม หรือ 20 ตัน และฝาทั้งหมดนำไปสร้างเป็นขาเทียมได้ทั้งหมด 27,000 ขา
คิดกันเล่นๆ ยอดขายในช่วงแคมเปญนี้เอาง่ายๆ แค่กระป๋อง ละ 10 บาท ก็ทำให้บริษัทมีรายได้ 150 ล้านบาท หรือสัปดาห์ละ 10 ล้านบาท ส่วนจะมีกำไรเท่าไรต้องถามผู้บริหารของอายิโนะโมะโต๊ะ เอาเอง
|
|
|
|
|