บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยประกาศผลการดำเนินงานล่าสุดว่ามีอัตราการเติบโต 100% ทั้งในส่วนสายงานการซื้อขายหุ้นและส่วนของวาณิชธนกิจ โดยมี รพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ, ณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร สายงานนายหน้าค้าหลักทรัพย์ และวิกรานต์ ปวโรจน์กิจ กรรมการบริหาร สายงานวาณิชธนกิจ แม่ทัพทั้ง 3 สวมเสื้อแจ็กเกตสีส้มสด ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของ บล.กสิกรไทย ร่วมแถลงข่าวกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ณัฐรินทร์โชว์ตัวเลขในส่วนของการซื้อขายหุ้นในปัจจุบันมียอดขายมูลค่า 10,000 ล้านบาทต่อเดือน เปรียบเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ซื้อขาย 1,400 ล้านบาท จากปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไต่อันดับโบรกเกอร์มาอยู่ที่ 30 จากเดิมที่อยู่อันดับ 35 พร้อมกับโชว์ตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบันที่มีมูลค่า 6,600 ล้านบาท หรือโต 1.2% จาก 4,500 ล้านบาท หรือ 0.52% และสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท
ส่วนด้านวาณิชธนกิจ ที่มีวิกรานต์เป็นผู้ดูแลนั้น ที่ผ่านมาได้นำ ดีแทค ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออันดับ 2 ของประเทศ รวมทั้งบริษัท โกลเด้นแลนด์และมัลติแบ็ค เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ จาก ผลงานดังกล่าวทำให้บริษัทกลายเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในปัจจุบัน ส่งผลให้ไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทจะขายหุ้น ให้กับลูกค้าธุรกิจน้ำประปา อีก 1 ราย ที่มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 10,000 ล้านบาท นอกจากนั้นยังได้รับการแต่งตั้งจากลูกค้าอีก 7 ราย ที่จะมีทั้งการขายหุ้น จัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และการควบรวม กิจการ ซึ่งทั้งหมดนี้จะดำเนินการในปีหน้า
การเติบโตแบบก้าวกระโดดของ บล.กสิกรไทย ที่เกิดขึ้นได้ง่ายดายอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทที่เพิ่งอายุครบ 2 ขวบ ไปเมื่อ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นเพราะว่าการดำเนินกิจการไม่ได้ เริ่มนับจากศูนย์ แต่ในฐานะที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทย จึงอาศัยเครือข่ายบริษัทแม่ที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ และศูนย์วิจัยกสิกรที่สนับสนุนข้อมูลทั่วไป รวมไปจนถึงข้อมูลระดับวิเคราะห์ในด้านลึก ดังนั้น บิสซิเนส โมเดล ของบริษัทในครึ่งหลังปี 2550 และในอีก 2 ปี ข้างหน้า จะให้บริการทางด้านการเงินแบบครบวงจร เน้นเจาะฐานลูกค้าธนาคารกสิกรไทยเป็นหลัก จากปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้บริการ อยู่แล้ว 4,800 ราย และมีเป้าหมายเพิ่มอีก 2,000 รายภายในสิ้นปีนี้
หันไปดูทางด้านบุคลากร ส่วนใหญ่มาจากผู้บริหารและพนักงานของธนาคารกสิกรไทย ทำให้เข้าใจวัฒนธรรมและวิธีการทำงาน และการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างพนักงานด้วยกันเอง เป็นไปได้ง่ายเพราะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เหมือนกับณัฐรินทร์ และวิกรานต์ ที่เป็นอดีตผู้บริหารของธนาคารกสิกรไทย ส่วนพนักงานการตลาดที่มีอยู่ประมาณ 60 คน และจะเพิ่มอีก 150 คนในสิ้นปีนี้ จำนวน 85% เป็นพนักงานของธนาคารกสิกรไทยมาก่อนเช่นเดียวกัน
"หากย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว บริษัทได้ตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า ทำยังไงที่จะให้ลูกค้ามาใช้บริการ แต่หลังจากที่บริษัทได้ทำงานร่วมกับธนาคารกสิกรไทย และทีมงาน จนถึงวันนี้บริษัทเชื่อมั่นว่าได้ก้าวข้ามผ่านมาแล้ว เหมือนกับเครื่องบินที่กำลังจะบินขึ้น แต่ตอนนี้เรากำลังบินอยู่ในอากาศ บริการเริ่มจับต้องได้ เห็นภาพของผลงาน" เป็นคำกล่าวของวิกรานต์
จากผลงานทั้งหมดเหล่านี้ทำให้บริษัทกำหนดเป้าหมายไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้จะถึงจุดคุ้มทุน หรือใช้เวลา 2 ปี จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะต้องใช้เวลาถึง 3 ปี
|