Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 สิงหาคม 2550
เมจิทิ้ง400ล.นมยูเอชที-โรงเรียนขอปรับราคา7%งัดบลูโอเชียนสู้             
 


   
www resources

โฮมเพจ ซีพี-เมจิ

   
search resources

Dairy Product
ซีพี-เมจิ, บจก.




น้ำนมดิบส่อเค้าขาดตลาด ราคาขยับสูงขึ้น “เมจิ” ถอดใจสู้ไม่ไหว หั่นนมยูเอชทีและนมโรงเรียนมูลค่า 400 ล้านบาททิ้ง เดินหน้าผลักนมพาสเจอร์ไรส์แทน พร้อมยื่นเรื่องขอขึ้นราคาอีก 7% เหตุทนแบกรับต้นทุนอีกไม่ไหว ล่าสุดงัดกลยุทธ์บลูโอเชี่ยนเข้าช่วย ผุดโยเกิร์ตและโยเกิร์ตพร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “เมจิ บิวติ ดีโทซี่” จับกลุ่มพรีเมี่ยม ที่ดูแลตัวเอง

นายไพศาล จงบัญญัติเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาน้ำนมดิบ ราคาขยับเพิ่มขึ้นสูงมาก เหตุจากโคนมผลิตน้ำนมลดลง และกว่าจะเริ่มผลิตหรือมีการตั้งท้องอีกที คงอีกประมาณ 2ปีข้างหน้า ดังนั้นในช่วง 2 ปีนับจากนี้ ราคาน้ำนมดิบจะยังคงมีราคาสูงอยู่ ส่งผลให้ในปีนี้ทางบริษัทฯได้ปิดไลน์การผลิตของนมยูเอชทีและนมโรงเรียนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำนมดิบที่ขึ้นราคาเป็นหลัก บวกกับกำไรที่ค่อนข้างน้อย ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทฯจะเน้นทำตลาดในส่วนของนมพาสเจอร์ไรส์เป็นหลัก โดยคาดว่าน่าจะมีการเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20%

“สำหรับนมยูเอชทีและนมโรงเรียน คิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 400 ล้านบาท การที่ปิดตัวไปมองว่าจะส่งผลดีมากกว่า เพราะถือเป็นไลน์สินค้าที่มีกำไรน้อย อีกทั้งทางบริษัท เมจิ แดรี่ส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งร่วมทุนกับบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญด้านนมพาสเจอร์ไรส์มากกว่า จึงได้เน้นในส่วนของนมพาสเจอร์ไรส์เป็นหลัก”

อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคาน้ำนมดิบบวกกับต้นทุนในเรื่องต่างๆ ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ทำให้มีการพิจารณาในการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของนมพาสเจอร์ไรส์ ล่าสุดในวันนี้ (28 ส.ค.) ทางบริษัทฯได้ยื่นเรื่องต่อกรมการค้าภายใน ในการปรับราคาสินค้าของนมพาสเจอร์ไรส์ขึ้นอย่างน้อย 7% เช่น ขนาด 830 มิลลิลิตร จากราคาจำหน่าย 36บาท เพิ่มเป็น 42 บาท หรือ 38 บาท เป็น 44 บาทเป็นต้น ซึ่งหากทางกรมการค้าภายในอนุญาต คาดว่าจะมีผลตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่จะถึงนี้เป็นต้นไป ส่วนสิ้นปีจะมีการขอปรับราคาสินค้าทุกตัวอีกครั้งที่ 7% เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้แนวทางการทำตลาดจะเริ่มเจาะกลุ่มเป้าหมายแบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น เข้าร่วมกับทางมูลนิธิโรคกระดูกพรุนในการรณรงค์ให้คนไทยหันมาดื่มนมมากยิ่งขึ้น เพราะมีผลวิจัยออกมาว่า คนไทยกว่า 80% จากจำนวนประชากรทั้งหมด จะเป็นโรคกระดูกพรุน ดังนั้นการหันมาดื่มนมจะช่วยป้องกันโรคดังกล่าวได้

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ จะพิจารณาข้อเท็จจริงก่อนว่า หลังจากกระทรวงเกษตรเกษตรและสหกรณ์ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ 0.75 บาท กระทบผลิตภัณฑ์นมกลุ่มใดบ้าง ซึ่งหากผู้ประกอบการใดที่ใช้น้ำมันดิบในประเทศล้วนๆ และขอให้กรมฯ พิจารณาการปรับขึ้นราคา ก็จะพิจารณาให้ก่อน แต่หากเป็นการนำเข้าวัตถุดิบนมประเภทอื่นมาผสม กรมฯ จะพิจารณาให้ทีหลัง เพราะขณะนี้ราคานมนำเข้าจากต่างประเทศอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก ส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ต้นทุนนำเข้าถูกลง

งัดบลูโอเชี่ยนเข้าช่วย ผุดสินค้าใหม่

นายไพศาล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากการที่ตลาดนมเป็นตลาดที่ค่อนข้างปรับราคาสินค้าได้ยาก และการแข่งขันค่อนข้างสูง ดังนั้นทางบริษัทฯจึงได้นำเอากลยุทธ์บลูโอเชี่ยน เข้ามาทำตลาดในปีนี้ โดยได้มีการเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ที่ยังไม่มีผู้เล่นรายใดทำมาก่อน คือ โยเกิร์ตและโยเกิร์ตพร้อมดื่ม ผสมน้ำผึ้งและมะนาว ภายใต้แบรนด์ “เมจิ บิวติ ดีโทซี่” ที่นำเอาสูตรสำเร็จของการ ดีทอกซ์ เข้ามาไว้ในโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งและมะนาว จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะเน้นสินค้าในรสชาติของผลไม้ต่างๆ

ขณะนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาขนาด คือ โยเกิร์ตขนาด 140 กรัม และโยเกิร์ตพร้อมดื่มขนาด 200 มิลลิลิตร จับกลุ่มเป้าหมายทั้งชายและหญิงตั้งแต่ 18ปีขึ้นไป ที่รักสุขภาพ ภายใต้งบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท

นอกจากนี้ในช่วงปลายปีบริษัทฯจะพัฒนานมพาสเจอร์ไรส์สำหรับกลุ่มพรีเมี่ยมขึ้นมา หรือที่เรียกกันว่า ซูเปอร์มิลด์ โดยจะมีการเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม และสารอื่นๆทีมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ขณะเดียวกันจะลดปริมาณของน้ำออกไปประมาณ 10% ซึ่งจะส่งผลให้รสชาติของนมดีขึ้น คาดว่าจะมีราคาสูงกว่านมพาสเจอร์ไรส์แบบปกติที่ 20% ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทฯสามารถยื่นเรื่องในการขอปรับราคาขึ้นได้ง่ายขึ้นในช่วงปลายปีนี้ที่จะถึง

ปีที่ผ่านมา เมจิ ครองอันดับหนึ่งในตลาดนมพาสเจอร์ไรส์มูลค่า 3,000 ล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 49% ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ส่วนรายได้รวมของบริษัทฯปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท เท่าปีที่ผ่านมา มาจาก นมพาสเจอร์ไรส์ 2,000 ล้านบาท และไลน์ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีอยู่อีก 700-800 ล้านบาท รวมถึงส่งออกอีก 200 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us