Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 สิงหาคม 2550
"สปา"เดี้ยงทั่วปท.ปิดตัวแล้ว 30% แข่งตัดราคาหนัก-คนใช้บริการน้อย             
 


   
search resources

Spa and Beauty




พบสปาไทยทั่วประเทศปิดตัวกว่า 30 % เหตุนักท่องเที่ยวใช้บริการน้อยและแข่งกันตัดราคากันเอง สสว.จับมือ สพว.ยกระดับมาตรฐานสปาไทย พร้อมสร้างแบรนด์แข่งขันกับตลาดเพื่อนบ้าน แทนการแข่งกันเอง

นายธนันธน์ อภิวันทนาพร ผู้เชี่ยวชาญพัฒนาโครงการ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สพว.) กล่าวถึงความร่วมมือของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ร่วมกับ สพว.ในการพัฒนาและยกระดับสปาผู้ประกอบการและผู้จัดการของสปาในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้ ว่า

ที่ผ่านมาสสว.ร่วมมือกับสพว.จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการให้แก่ผู้ประกอบการสปาในจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี เพื่อยกระดับธุรกิจสปาในจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคใต้ ให้มีความเข้มแข็งทั้งทางด้านการบริหารจัดการ การตลาด การพัฒนาบุคลากรในสปา ตลอดจนการสร้างพันธมิตรระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจสปาด้วยกัน และที่สำคัญ คือ "Promoting Phuket in the eye of foreign tourist as a major spa paradise" ซึ่งเป็นการระดมความคิดเพื่อผลักดันภูเก็ตให้เป็น Spa Paradise

สำหรับธุรกิจสปาในแง่ของการแข่งขันในตลาดโลก ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีขีดความสามารถค่อนข้างสูง ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง เนื่องจากสปาเน้นเรื่องของการบริการ เป็นเรื่องของการนำภูมิปัญญาหรือวัฒนธรรมมาเป็นจุดขาย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่มาสนับสนุน เนื่องจากสปาเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับภาคการท่องเที่ยวเฉพาะประเทศไทย เพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเป็นลูกค้าหลัก 80-90 %

นายธนันธน์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ธุรกิจสปามีความเติบโตสูงสุดเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก และมีสปาเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันพบว่าทั่วประเทศมีการปิดตัวไปเป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 30% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดน้อยลง ส่งผลให้เกิดการแย่งชิงนักท่องเที่ยว มีการลดราคาและอื่นๆ เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้มีผู้เข้ามาใช้บริการ ทำให้การประกอบการประสบกับปัญหาขาดทุน มีการลดคุณภาพหรือบางรายถึงขั้นปิดกิจการ

"ปัญหาดังกล่าวไม่ได้กระทบเฉพาะการประกอบการแต่ละรายเท่านั้น แต่กระทบในภาพรวมของประเทศ ดังนั้น จึงต้องหาแนวทางในการแก้ปัญหา มิเช่นนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการแล้ว ไม่เป็นไปตามที่มีการประชาสัมพันธ์เอาไว้ ขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เป็นต้น ก็มีการลงทุนทางด้านนี้ค่อนข้างมาก รวมทั้งรัฐบาลของเขาก็ให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนี้ สปาที่เคยบอกว่าเป็น Capital of Asia ก็จะไม่เหลืออยู่ในเมืองไทย"

นายธนันธน์ กล่าวต่อว่า จากภาวการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการไม่มีทางออก จึงได้มีแนวคิดในการจัดทำโครงการเพื่อพัฒนาและยกระดับสปาไทยขึ้น เพราะปัญหาที่เกิดนั้นไม่ใช่เฉพาะภูเก็ตเท่านั้นแต่เกิดทั้งประเทศ โดยทำใน 3 ด้านหลัก คือ ลดต้นทุน มองโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย และประสิทธิภาพองค์กร และได้มีการพูดกับสมาคมสปาภูเก็ตและสาธารณสุขจังหวัด ในการวางยุทธศาสตร์เพื่อสร้างแบรนด์ให้แก่ภูเก็ตในตลาดโลก เพื่อจะได้มีการส่งเสริมการทำตลาดที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม นายธนันธน์ ยังกล่าวด้วย ปัจจุบันการมาใช้บริการสปาของนักท่องเที่ยวไม่ได้มุ่งหวังเฉพาะการผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังมองว่าเมื่อออกไปแล้วจะมีการเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งเรื่องอาหาร วิธีคิดและการดูแลด้านจิตใจ ดังนั้น สปาในวันนี้จึงต้องมีความรู้ ส่งเสริมและยกระดับทั้งแนวคิดธุรกิจ และในแง่ของผู้ให้บริการ ไม่ใช่เรื่องของการนวดไทยเพียงอย่างเดียว

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้หากประสบความสำเร็จ ก็จะนำไปใช้ในส่วนของจังหวัดอื่นๆ ที่มีปัญหาต่อไป ทั้งเชียงใหม่ กรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งหากไม่แก้ไขก็จะกลายเป็นแข่งกันตาย จึงต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ว่าให้ขายเป็นพื้นที่ เช่นเดียวกับกรณีของการซื้อทองต้องไปเยาวราช ซื้อเสื้อผ้าต้องไปโบ๊เบ๊ เป็นต้น ซึ่งเราบอกว่าเมื่อพูดถึงสปาแล้วต้องมาภูเก็ต เมื่อสามารถสร้างภาพลักษณ์ได้แล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการก็ต้องพัฒนาให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นการพลิกฟื้นธุรกิจให้เดินหน้าไปได้

ทั้งนี้ นายธนันธน์ กล่าวตอนท้ายว่า เหตุที่ต้องหวงแหนธุรกิจสปาไว้ เนื่องจากในธุรกิจอื่นเราจะแข่งขันลำบาก แต่อุตสาหกรรมสปานั้นสามารถสร้างมูลค่าได้ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกพืชสมุนไพร ค่าจ้างแรงงานดี ผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ตกแต่งสถานที่ก็มาจากผลิตภัณฑ์ชุมชนหรือโอทอป เจ้าของเป็นคนไทย เมื่อพิจารณาแล้วเรามีแต่ได้กับได้ เพราะฉะนั้นคงปล่อยทิ้งไม่ได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us