Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 สิงหาคม 2550
หวั่นตลาดสเตชั่นเนอรี่ปีนี้หดตัวออฟฟิศเมทรุกภาครัฐ เพิ่มกลุ่มกีฬา             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด

   
search resources

ออฟฟิศเมท, บจก.
Stationery
วรวุฒิ อุ่นใจ




ตลาดเครื่องใช้สำนักงาน โดนกระแสค่าเงินบาทและการเมืองรุมเร้า ปีนี้เชื่อโตเพียง 7-8% ออฟฟิศเมทสู้ไม่ถอย ทุ่มงบ 6 ล้านบาท โหมจัดอีเว้นต์สร้างการรับรู้ เสริมทัพด้วยแคตตาล๊อกอีก 1.5 แสนเล่ม พร้อมทีมขายอีก 35 คน เจาะถึงตัวบริษัทโดยตรง มั่นใจสิ้นปีมีรายได้โตขึ้น 20% หรือกว่า 900 ล้านบาท ส่วนปีหน้าเตรียมบุกหนัก หวังยอดขายทะลุ 1,100 ล้านบาท หลังลงทุนสร้างคลังสินค้าใหม่ที่ลาดกระบังไปกว่า 180 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ในส่วนราชการ และการเพิ่มไลน์สินค้าในส่วนกีฬากระตุ้นยอด

นายวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด ผู้จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงาน ผ่านระบบแคตตาล๊อก และอินเทอร์เน็ท เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้สำนักงานมูลค่า 20,000ล้านบาท ในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตลดลงที่ 7-8% จากปีที่ผ่านมาสูงกว่า 10% ทั้งนี้เนื่องมาจากปัจจัยลบด้านต่างๆ เช่น ค่าเงินบาท และโดยเฉพาะการเมือง ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง

โดยบริษัทฯเองยอมรับว่า ปีนี้เป็นปีที่เหนื่อยอีกปีหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ เห็นได้จากยอดการสั่งซื้อสินค้าต่อหนึ่งใบเสร็จจากเดิมเฉลี่ย 4,200 บาท ในปีที่ผ่านมา ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3,700 บาท โดยลูกค้าจะมีการซื้อสินค้าเฉลี่ย 2 ครั้งต่อเดือน แต่เนื่องจากการทำธุรกิจในรูปแบบแคตตาล๊อกและออนไลน์ ส่งผลให้มีลูกค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 17,000-18,000 บริษัท หันมาสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฯ เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หรือปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าหมุนเวียนสั่งซื้อสินค้ากว่า 6 หมื่นบริษัท

ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมกลยุทธ์ต่างๆในการทำตลาดในปีนี้ไว้หลายอย่าง เช่น 1.เพิ่มแคตตาล๊อกเป็น 1.5 แสนเล่มในการแจกให้กับลูกค้า ภายใต้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 27-28 ล้านบาท โดยแต่ละเล่มมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 200 บาท 2.เน้นขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ www. Officemate.co.th ทั้งแบบบีทูบี และ E-Procurement 3. การจัดอีเว้นต์ต่างๆ ภายใต้งบประมาณอีก 5-6 ล้านบาท และ 4. มีเซลล์แมนอีก 35 คน ที่จะนำสินค้าเข้าไปเสนอในบริษัทต่างๆ ส่งผลให้รายได้ในช่วง 8-9 เดือนที่ผ่านมา สูงถึง 500-600 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าอีก 3-4 เดือนที่เหลือน่าจะสามารถทำรายได้เติบโตขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา มูลค่า 900 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้

คลังสินค้าใหม่พร้อมรับศึกปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ท่าผนมาทางบริษัทฯได้ลงทุนกว่า 180 ล้านบาท สร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ขึ้นที่ ลาดกระบัง พื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร จำนวน 15 ไร่ โดยจะเริ่มเก็บสินค้าได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดว่าคลังสินค้าดังกล่าวจะสามารถรองรับยอดขายในช่วง 3-5 ปี หรือในเฟสแรกได้กว่า 2,500 ล้านบาท และในเฟสที่ 2 จะรองรับได้ถึง 5,000 ล้านบาท ขณะที่คลังสินค้าเดิมได้หมดสัญญาในการเช่าไป

นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า จากความพร้อมทางด้านคลังสินค้าครั้งนี้ ทำให้ในปีหน้าบริษัทฯจะทำการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น โดยวางเป้าหมายของรายได้ไว้กว่า 1,100 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมแผนการดำเนินธุรกิจของปีหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว เช่น ในส่วนของการทำตลาดจะใช้งบประมาณกว่า 12 ล้านบาท ทำตลาดทั้งในรูปแบบการจัดกิจกรรมและลงสื่อต่างๆ ในสัดส่วนเท่าๆกัน และการเพิ่มจำนวนแคตตาล๊อกเป็น 2 แสนเล่ม

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่อีก 1 รายการ คือ กลุ่มกีฬาอีกไม่ต่ำกว่า 100 เอสเคยู จากเดิมที่มีสินค้าอยู่ทั้งหมด 11 ประเภท รวมกว่า 8,000 เอสเคยู ซึ่งมีเฮาส์แบรนด์รวมอยู่ด้วยอีก 8-9 แบรนด์ หรือประมาณ 800-900 เอสเคยู และที่สำคัญปีหน้าบริษัทฯจะเริ่มเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มราชการ โดยได้พัฒนาซอฟท์แวร์ G-Procurement ขึ้นมารองรับการสั่งซื้อสินค้าสำหรับข้าราชการขึ้นมาโดยเฉพาะ คาดว่า จะสามารถเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้เป็น 20% จากเดิมที่มีสัดส่วนลูกค้าดังกล่าวเพียง 8-9% เท่านั้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us