|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2550
|
|
จากสจ๊วตมาเป็นนักการเงิน ก่อนผันตัวเองมาเป็นนักการตลาดและพูดเรื่อง product วันนี้ ธนา อายุเพียง 38 ปี มีตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีแทคติดตัวอยู่ด้วย นี่คือผู้บริหารหนุ่มที่รั้งอันดับ 44 ของ "ผู้จัดการ 50" ในปีนี้
ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานพาณิชย์ของดีแทค ใช้มือข้างหนึ่งวางโทรศัพท์มือถือตัวเล็กราคาเกินครึ่งหมื่นมาไม่มากนักไว้บนโต๊ะใกล้ๆ ขณะที่ลำตัวของเขาย่อลงเพื่อเตรียมพร้อมที่จะนั่งลงบนโซฟาบนชั้น 30 ของตึกชัย สำนักงานใหญ่ดีแทค เมื่อถึงเวลานัดหมาย บ่ายวันหนึ่งในต้นเดือนที่ผ่านมา
หลายต่อหลายครั้งที่ "ผู้จัดการ" มีโอกาสพบปะกับเขา แต่นี่ถือเป็นหนแรกของการพบในวาระที่แตกต่างออกไป นั่นเป็นเพราะเขาผู้นี้เพิ่งจะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน "ผู้จัดการ 50" จากการจัดอันดับโดยผู้อ่านของ "ผู้จัดการ"
"ผมเคยฝันอยากติดอันดับการโหวตนี้มานานแล้วครับ เพราะผมเป็นแฟน "ผู้จัดการ" และ "ผู้จัดการ" เองก็เป็นแมกกาซีนเพียงไม่กี่เล่มที่ผมเก็บสะสมไว้ในตู้หนังสือที่บ้านยอมรับว่าตื่นเต้นที่ได้ทราบข่าวนี้ แต่ก็แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ทำไมผมได้รับโหวตยิ่งอายุของผมเทียบกับคนอื่นๆ ที่ติดโหวตด้วยยิ่งไปกันใหญ่"
นี่คือคำบอกเล่าของธนา ที่ไม่เพียงแต่เป็นถ้อยคำบรรยายความรู้สึกภายในใจของเขาเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกถึงเรื่องราวที่ซ่อนไว้ข้างในเป็นนัยสำคัญที่จะบรรยายสรรพคุณส่วนตัวของเขาได้เป็นอย่างดี
ธนาเป็นคนหนุ่มที่จัดว่ามีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงไม่น้อยเมื่อเทียบกับคนในวัยเดียวกัน ไม่ต้องนับในปัจจุบันที่เป็นถึงรองซีอีโอ แต่หมายถึงในวันที่เขาเริ่มต้นทำงานกับดีแทคด้วย
ก่อนหน้านี้ "ผู้จัดการ" และหนังสืออีกหลายเล่มเขียนถึงเขาในแง่มุมที่แตกต่างกันหลายครั้งแทบจะนับไม่ได้ ชื่อของเขาปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ และนิตยสารรายเดือนอยู่เสมอๆ ในฐานะผู้บริหารของดีแทคที่ตอบปัญหาแทนซิคเว่ เบรคเก้ บ่อยครั้ง และด้วยความที่เป็นคนตอบ คำถาม "เป็น" ทำให้เขาได้รับการไว้วางใจให้ ตอบคำถามสำคัญๆ กับนักข่าวแทนซิคเว่ซีอีโอของดีแทค
ใครจะรู้ว่า ก่อนที่จะเดินทางมาเป็นหนึ่งในนักรบการตลาดที่ใครๆ ก็ว่าเขาควักเอาวิธีการที่ไม่มีในตำราเล่มไหนออกมาสู้แบบนี้ เมื่อสิบปีก่อนหน้า ธนาเคยทำงานเป็นสจ๊วต ก่อนใช้เวลาอีก 5 ปีในการสั่งสมความรู้ด้านการเงินจากบริษัทหลักทรัพย์และทำงานด้านการเงินให้กับดีแทคมาตั้งแต่ยุคแรก แม้วันนี้เขาจะได้ชื่อว่าเป็นนักการตลาด แต่โดยพื้นฐานแล้ว เขายังมองเห็นเป้าหมายเรื่อง ต้นทุนและกำไร อย่างที่นักการเงินเห็นเป็นเรื่องสำคัญอยู่เช่นเคย
ธนาเคยทำงานเป็นสจ๊วตสายการบินของ Delta สายการบินต้นทุนต่ำของสหรัฐฯ หลังจากเดินทางไปอยู่กับครอบครัวที่รัฐซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ซึ่งย้ายครอบครัวทั้งพ่อ แม่และน้องสาวอีกสี่คนไปอยู่ที่นั่นล่วงหน้านานนับสิบปี โดยยึดอาชีพเจ้าของกิจการร้านไอศกรีม บาสกิ้น รอบบินส์ ที่ซื้อแฟรนไชส์มา ควบกับการเป็นนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์
มีเพียงเขา ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวที่อยู่เมืองไทย กับผู้เป็นย่าจนจบระดับมหาวิทยาลัยในสาขาเศรษฐศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทำงานเป็นสจ๊วตเพียงปีเดียว มหาวิทยาลัยรัฐวอชิงตันก็รับธนาเข้าเรียนในสาขาการเงิน ก่อนหิ้วปริญญาโทกลับบ้านเกิด เข้าทำงานในบริษัทหลักทรัพย์เอกธำรง ในตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์
"สมัยนั้นงานยุ่งมาก พยายามดึงคนเข้ามาเป็นลูกค้าเป็นจำนวนมาก เวลายื่นนามบัตร พอเห็นเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ หลายคนมักไม่อยากจะคุยด้วยมากนัก เขาเลยเทียบให้เป็นตำแหน่ง AVP (Associate Vice President) แม้จะมีคำนำหน้าเป็น AVP แต่เงินเดือนและวิทยฐานะก็เท่ากับซูเปอร์ไวเซอร์ เมื่อมาเริ่มงานกับดีแทค ตำแหน่งของ AVP นั้นกลับใหญ่มากสำหรับองค์กรแห่งนี้ พี่ที่รับผมเข้ามาเลยต่อรองให้ผมเป็น Senior Manager ซึ่งสูงมากสำหรับดีแทค ในตอนนั้น เลยได้รับตำแหน่งที่ใหญ่มาก ทั้งๆ ที่อายุเพียง 28 ปีเท่านั้น เรื่องนี้ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยนะ" ธนาเล่าเรื่องของเขาได้เหมือนกับเพิ่งจะผ่านเรื่องราวนั้นมาเมื่อวาน ทั้งๆ ที่ ผ่านมาเกือบสิบปีเข้าไปแล้ว
ด้วยความที่เป็นนักการเงินหนุ่มไฟแรง หลังจากนั้นเพียงสองปี ธนาได้รับการโปรโมตขึ้น เป็น AVP ในเวลาต่อมา ก่อนเปลี่ยนงานในดีแทคมาหลายตำแหน่ง จนถึงปัจจุบันธนาทำหน้าที่ เป็นคนมองหาธุรกิจใหม่ให้กับดีแทค ขณะที่งานเก่ารับหน้าที่เป็นคนดูอยู่ห่างๆ
เขาไม่ได้บอกว่ามีลูกน้องที่ต้องอยู่ภายใต้การบริหารของเขาเป็นจำนวนเท่าใด ยกเว้นผู้บริหารแต่ละแผนก 9-10 คนที่ต้องรายงานตรงต่อเขา ตั้งแต่ทีมระบบเติมเงิน, จดทะเบียน, CRM, ฝ่ายขาย, ฝ่ายปฏิบัติการ และฝ่าย communication บวกกับทีมที่เพิ่งรายงานตรงหลังจากปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ คือ ฝ่าย refill, Media และแผนกย่อยๆ อื่น อีก
ปีนี้ ซิกเว่ เบรกเก้ ซีอีโอของดีแทค ติดอันดับ 3 จากการโหวต "ผู้จัดการ 50" จากเดิมอันดับ 4 เมื่อปีที่ผ่านมา
ซิคเว่แวะเข้ามาทักทาย "ผู้จัดการ" กับธนาในตอนหนึ่งของการสนทนา เขาถามถึงจำนวนของ "ฝรั่งซีอีโอ" ที่ติดอันดับแล้วร้องเฮเมื่อพบว่า เขาเป็นฝรั่งคนเดียวใน 10 อันดับแรกของ "ผู้จัดการ 50"
เขายกมือไหว้แสดงความยินดีกับธนาเป็นการหยอกล้อ ที่รู้ว่าธนาอาจจะอายุน้อย เป็นอันดับต้นๆ ของผู้บริหารที่ได้รับการจัดอันดับ ที่สำคัญปีนี้ดีแทคไม่ได้มีผู้บริหารเพียงคนเดียวที่ติดอันดับ แต่ยังมีธนาพ่วงท้าย เข้ามาอีกคนหนึ่งด้วย
ซิคเว่และธนาถือว่าเป็นผู้บริหารที่สนิท และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ธนาเคยขอให้ซิกเว่ เขียนคำนิยมเป็นภาษาอังกฤษให้กับหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ธนาเขียนออกมาวางขายเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ข้อความในคำนิยมไม่เพียงแต่บรรยาย ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อธนานับตั้งแต่ที่เขา เจอครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และครั้งอื่นๆ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เป็นซีอีโอของดีแทคเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้อ่านเห็นพัฒนาการ และความเป็นตัวตนของธนาได้เป็นอย่างดี
"ผมพบคุณธนาครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 1999 ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ผมยังจำ นักการเงินหนุ่มที่ดูฉลาด พูดเร็วและดูเต็มไป ด้วยความกระตือรือร้นได้เป็นอย่างดี เขาดูเป็น นักการเงินมากๆ ทั้งสูทสีดำที่ใส่ ผูกไท และ ใส่เจลที่ผมด้วย ขณะนั้นผมยังทำงานให้กับเทเลนอร์ และพยายามจะเข้ามาซื้อหุ้นในดีแทค" นี่คือประโยคแรกของคำนิยมของซิคเว่ในหนังสือที่ว่า
ประโยคถัดมายังเอ่ยถึงการพบคุณธนาหนที่สองในปี 2000 วาระของการที่เทเลนอร์เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นดีแทคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "คุณธนายังใส่สูทสีดำ ผูกไท ใส่เจลที่ผม และยังดูฉลาด พูดเร็วเหมือนเดิม แตกต่างกันตรงที่หนนี้ธนาพูดเรื่องการตลาดแทนการพูดเรื่องการเงินเหมือนก่อนหน้านี้"
หนที่สามของการพบร้านในปี 2001 "หนนี้ธนาพูดช้าลงกว่าเดิม แต่ยังคงฉลาด และดูเหมือนจะนิ่งกว่าที่เดิม หนนี้ยังใส่สูท แต่ไทของเขาหายไปแล้ว ขณะที่คุณธนากลับพูดเรื่อง product แทนการพูดถึงเรื่องการเงินและการตลาด"
ซิคเว่ถึงกับตั้งคำถามเป็นแนวหยอกว่า "ผมเริ่มคิดแล้วว่า ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นมืออาชีพได้ไวยิ่งกว่าการเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียอีก?"
ทุกวันนี้ซิคเว่บอกว่าพบหน้าธนาแทบทุกวัน เขาพูดช้าลงกว่าที่เคยมาก แต่ธนาสามารถ พูดถึงเรื่องการเงิน การตลาด ผลิตภัณฑ์ และรวมทั้งหมดทุกอย่างเข้าเป็นเรื่องของการค้าหนึ่งเดียวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ วันนี้สูทของเขาหายไปแล้ว ไทและเจล ก็หายไปด้วย
"คุณธนาเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผมอธิบาย ได้เป็นอย่างดีว่า เขาเป็นผู้บริหารที่รวมความ สามารถไว้ข้างในหลายอย่าง ผมทั้งวางใจในคำแนะนำและเชื่อใจคุณธนา การเป็นฝรั่งซีอีโอเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ต้องขอบคุณคุณธนา ที่ช่วยให้ผมเข้าใจดีแทคและวัฒนธรรมความเป็นไทย ดีแทคจะไม่เป็นเช่นนี้ได้ หากว่าขาด เขาคนนี้อย่างแน่นอน..." ส่วนหนึ่งของบทส่งท้ายของซิคเว่ไม่ต้องบรรยายความสำคัญของธนาในสายตาของซิคเว่ และความสำคัญของเขาในดีแทคอื่นใดอีกเลย
|
|
|
|
|