|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2550
|
|
หลายๆ คนมองว่าช่วงเวลาที่ ชาลอต โทณวณิก ลาออกจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะหลังจากนั้นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว จุดหมายปลายทางของธนาคารกรุงศรีอยุธยาหาใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย เพราะบรรดาธนาคารในรุ่นเดียวกันต่างผ่านจุดเดียวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยามาแล้วทั้งนั้น
บางธนาคารชื่อถูกกลืนหายไป จนทุกวันนี้คนเริ่มลืมชื่อเดิมไปแล้ว
ชาลอตเล่าย้อนหลังถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอาชีพของตัวเองว่า ต้นปี 2550 การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นของธนาคารเริ่มนิ่ง ก็เริ่มทบทวนสิ่งที่ทำมาเกือบ 10 ปี ก็ได้คำตอบว่าถึงจุดที่ตั้งใจไว้แล้ว ธนาคารอยู่ในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ หรือ in good hand แต่ก่อนยังเป็นห่วงคิดว่าไปไหนไม่ได้ เพราะความรู้ความชำนาญในสายรีเทล ที่ธนาคารกำลังจะบุก ยังไม่มีบุคลากรมากพอ แต่พอมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาก็เหมือนกับทำให้เรารู้แล้วว่า ผู้ถือหุ้นใหม่มีความรู้ความชำนาญ แน่นอน ถึงจุดนี้ก็มีโอกาสเลือกว่าจะทำอะไร
"การเลือกที่ใหม่ เพราะไม่อยากอยู่สายการเงินต่อแล้ว อยาก ที่จะมาทำสายบันเทิงมากกว่า เหลือเวลาทำงานอีก 10 ปี ถ้าเลิกทำงานตอนอายุ 60 ปี ตรงนี้มีไม่กี่คนที่มีโอกาสได้เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นคนละเรื่องอย่างนี้ คืออยากที่จะได้โอกาสอันนี้ การเปลี่ยนงานใช้เวลาคิดไม่นาน เพราะรู้ว่าจะมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามา ก็พอจะประเมินได้ว่าผลสุดท้าย ก็คงจะมาอยู่ตรงนี้"
การเตรียมการสำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าหรือเกิดแบบไม่ตั้งตัว ได้มีการทดลองเข้ามาทำในส่วนของผู้ผลิตสื่อแล้ว โดยผ่านบริษัท BBTV ซึ่งเป็นบริษัทลูกของช่อง 7 ทำให้คนภายนอกเริ่มมองเห็นบทบาทใหม่
ปี 2549 ภาพของชาลอตที่เข้าไปอยู่ในวงการบันเทิงเริ่มชัดเจนขึ้น เธอเชื่อว่าหากประวิงเวลาออกไปด้วยการทำงานที่ธนาคาร กรุงศรีอยุธยาต่อไปอีก 1-2 ปี ภาพที่ปรากฏในวงการบันเทิงจะเริ่มหายไป หากต้องการกลับมาก็ต้องเริ่มสร้างกันใหม่อีก สุดท้ายจึงตัดสินใจขออยู่ในสายบันเทิงเต็มตัว
สิ่งที่ยังค้างอยู่ในใจของคนทั่วไปก็คือ หากวันนี้ธนาคารกรุงศรี อยุธยาไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ชาลอตจะยังอยู่คู่กับธนาคารต่อไปหรือไม่ เธอตอบชัดเจนว่า ต้องอยู่ต่อไป แต่เป็นการอยู่ต่ออีกระยะหนึ่ง เพราะขณะนั้นภาพลักษณ์ของธนาคารที่จะมาปรับเปลี่ยน มาเป็น Retail Banking เริ่มใช้ได้แล้ว แต่ยังไม่มีหัว ไม่มีบุคลากรมากพอ เธอต้องทำหน้าที่คัดเลือกคน ฝึกคน เปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานเดิมๆ ของพนักงานให้เป็น Retail Banking มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรับการแข่งขันจากคู่แข่งที่เกิดขึ้น
จนถึงขณะนี้เธอก็ยังเชื่อว่าเลือกถูกทาง แม้ว่าการเลือกมาสายบันเทิง ดูเหมือนเป็นความเสี่ยงสำหรับอาชีพของคนคนหนึ่ง เพราะมาในอาชีพที่ไม่มีความรู้ความชำนาญ ขณะเดียวกันในวงการนี้ ไม่ใช่แค่ว่ามีเงิน มีความคิด แล้วอยู่ได้ ต้องมีความเก๋า ความเก่า มีประวัติกันมา เนิ่นนานในแต่ละคน
"เพราะฉะนั้นมันเป็นความเสี่ยง แต่ชีวิตก็พร้อมที่จะเสี่ยง อย่างน้อยคิดว่า การทำงานเราได้ใช้ความรู้ความสามารถเต็มที่ ผลจะออกมาอย่างไรก็พร้อมที่จะยอมรับกับมัน ในชีวิตทำงานที่ไม่ใช่เจ้าของบริษัท เราก็แค่ทำหน้าที่ จบแล้วก็จบกัน จะมาอาลัยอาวรณ์ ว่าเป็นของฉัน แต่ความผูกพันก็มีอยู่ในส่วนของเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่ใช่ผูกพันว่าฉันสร้าง และไม่เสียดายที่เลือกทางนี้"
ชาลอตวางเป้าหมายเวลาที่เหลืออีก 10 ปีในการทำงาน ตั้งใจทำงานนี้ให้สำเร็จแล้ว ค่อยไปทำอย่างอื่น ธุรกิจที่คิดอยู่ในใจก็คือเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรต่างๆ เพราะมีประสบการณ์หลายด้าน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ เพราะทำได้หลายๆ แห่ง
ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยา ขณะนี้เธอเชื่อว่าช่องว่างระหว่าง พนักงานเก่ากับพนักงานใหม่ลดน้อยลง เพราะก่อนหน้านี้มีการปรับโครงสร้าง พนักงานเก่าก็ออกไปเป็นจำนวนมาก ที่เหลืออยู่ก็ทำงานร่วมกันได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่ที่อาจจะแปลกไปสักหน่อย การติดต่อระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยากับชาลอต หากในฐานะอดีตพนักงานก็ไม่เปลี่ยนแปลง อะไร แต่การติดต่อในฐานะของผู้ผลิตรายการเพื่อขอการสนับสนุนก็ดูแปลกเหมือนกัน แต่อย่างน้อยรายการเส้นทางเศรษฐีก็ได้ธนาคาร กรุงศรีอยุธยาเป็นผู้สนับสนุนช่วงหนึ่งของรายการ
แม้ว่าจะออกมาแล้วชาลอตก็ยังมีความภาคภูมิใจอยู่ลึกๆ ว่า ธนาคารที่เธอร่วมกันทำมากับพนักงานอื่นๆ เป็นที่ต้องตาต้องใจของ บริษัทข้ามชาติอย่าง GE ที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ครอบคลุมไปทั่วโลก อย่างน้อยกลุ่ม GE ก็คงต้องเห็นศักยภาพของธนาคารว่าไปได้ดี ไม่เช่นนั้นคงไม่เสียเวลามาซื้อหุ้นแบบนี้
|
|
|
|
|