ผู้บริหาร"นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ" เลือกโอกาสการเลือกตั้งชัดเจน ลุยเปิดขายโครงการอมันตา ลุมพินี โครงการ2ของบริษัทร่วมทุนกับสิงคโปร์ เล็งหาที่ดินแปลงใหม่ผุดโครงการแบรนด์ เดอะ พาร์คแลนด์ เนื้อที่กว่า 8 ไร่ ลั่นยอดขายปีนี้น่าจะทำได้ 3,000 กว่าล้านบาท ยอดรับรู้รายได้คาดเท่ากับปี 49 ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท เล็งในอนาคตจะขยับสัดส่วนยอดขายแนวราบให้ได้ 50%
นายเจนต์ชัย ลิ้มวัฒนะกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นการลงทุนของตระกูลนิธิวาสิน ในกลุ่มโรงแรมนารายณ์ เปิดเผยทิศทางการพัฒนาโครงการของบริษัทฯว่า ในช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีของการเปิดโครงการใหม่ โดยเฉพาะการขายพรีเซลส์ (Pre-sale) โครงการอมันตา ลุมพินี โครงการที่ 2 ของบริษัท นายารา จำกัด บริษัทร่วมทุนกับบริษัท อยาลา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เนื่องจากมีความชัดเจนในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2550 ประกอบกับโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ บนถนนพระราม 4 ที่จัดได้ว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่เส้นเลือดกลางของกรุงเทพฯ ที่สามารถตอบพฤติกรรม(ไลฟ์สไตล์)ของกลุ่มลูกค้าระดับผู้บริหารองค์กร หรือผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่ยังต้องการใช้ชีวิติในศูนย์กลางธุรกิจ(ซีบีดี)
และจากตัวเลขปัจจุบัน โครงการอมันตา ลุมพินี มียอดจองจากลูกค้าเก่าของนารายณ์ฯเกือบ 50% ซึ่งโครงการนี้จะมีมูลค่าการขายประมาณ 3,000 ล้านบาท มีจำนวน289 ยูนิต เริ่มต้น 90,000 บาทต่อตารางเมตร แยกเป็นโซนโลว์ไรส์ จำนวน 140 ยูนิต และไฮไรส์ จำนวน 149 ยูนิต อย่างไรก็ตาม ทางโครงการมีแผนการตลาดที่จะมอบส่วนลดให้แก่ลูกค้า 5% ในช่วงพรีเซลส์ ส่วนจำนวนยูนิตที่จะนำมาจัดการขาย จะพิจารณาจากความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ ทางบริษัทคาดว่ายอดขายในช่วงปลายปีนี้ น่าจะอยู่ระดับ 70-80% และจะปิดการขายทั้งโครงการได้ไม่เกินกลางปี 2551
อนึ่ง โครงการที่เกิดจากการร่วมทุนกับบริษัทอยาลาฯ โครงการแรกที่ยังเปิดขาย ได้แก่ โครงการ เดอะ พาร์คแลนด์ ศรีนครินทร์ คอนโดมิเนียม สูง 16-18 ชั้น 3 อาคาร รวม 1,210 ยูนิต บนเนื้อที่ 17 ไร่ ซึ่งเปิดขาย 2 ตึกแรก มียอดขายไปกว่า 60% ของมูลค่าขายโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าว มีบริษัท นายาราฯ ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งมีกลุ่มคนไทยและสิงคโปร์ถือหุ้นอยู่
" ขณะนี้โครงการของบริษัทร่วมทุนมี 2 โปรเจกต์ ส่วนโครงการในอนาคตยังไม่สามารถระบุได้ เพียงแต่กำลังเจรจาซื้อที่ดินอีกแปลงหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อที่พัฒนามากกว่า เดอะ พาร์คแลนด์ รัชดาท่าพระ คาดที่ดินแปลงนี้จะมีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ ใหญ่พอสมควร โดยยังไม่รีบ ถ้าไม่ทันก็ไปเริ่มปีหน้าได้ "นายเจนต์ชัยกล่าว
รองกรรมการผู้จัดการกล่าวว่า ในส่วนของยอดขายหลักในปัจจุบัน โครงการคอนโดฯเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของบริษัท นารายณ์ฯ คาดว่าปีนี้จะมียอดขายประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นจากโครงการเดอะ พาร์คแลนด์ รัชดาท่าพระที่ในครึ่งปีแรกมียอดขายประมาณ 850 ล้านบาท จากโครงการเดอะ พาร์คแลนด์ ศรีนครินทร์ประมาณ 600 ล้านบาท และโครงการอมันตา ลุมพินีประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ และรายได้จากค่าเช่าเช่น อพาร์ตเมนต์ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เป็นต้น ส่วนยอดรับรู้รายได้ปี 2550 จะใกล้เคียงกับปี 2549 กว่า 1,000 ล้านบาท โดยปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท
"เราคาดว่าตั้งแต่ปี 2552 คาดว่ายอดรับรู้รายได้ของบริษัทจะขยับมามีตัวเลขได้ 2,000-3,000 ล้านบาท และแม้ว่ารายได้หลักจากมาจากโครงการคอนโดฯ แต่ทางบริษัท เริ่มที่จะไปเพิ่มโครงการแนวราบมากขึ้น จากที่ปัจจุบันมีโครงการบ้านอนาวิลล์ ย่านสุวรรณภูมิ ตัวเลขที่คาดไว้ในอนาคต สัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบ น่าจะขยับมาอยู่ที่ 50% ได้ "นายเจนต์ชัยกล่าว
|