|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
นักลงทุนเมินสรุปวันเลือกตั้ง 23 ธ.ค.นี้ วอลุ่มเทรดเพียง 1.1 หมื่นล้านบาท โบรกฯห่วงปัญหาตั้งพรรคการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ยังมั่นใจดัชนีทะลุ 800 จุดแน่ เผยสถิติก่อนการเลือกตั้งหุ้นขึ้นเฉลี่ย 6% แนะจับตาการประชุมเรื่องอัตราดอกเบี้ยของกนง. 29 ส.ค. คาดลดดอกเบี้ย 0.25% ระบุหากลดกว่าที่คาดหนุนหุ้นแน่ ด้านศูนย์ระดมทุนเร่งเสนอแผนขยายฐานนักลงทุน - เพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียน
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (27 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบระดับใกล้ 800 จุดอีกครั้งก่อนจะมีแรงเทขายออกมา ขณะที่ในช่วงบ่ายแม้ว่าจะได้รับข่าวดีเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งที่ 23 ธ.ค. ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นแต่ยังมีแรงขายทำกำไรออกมาเนื่องจากข่าวดังกล่าวไม่ได้เป็นข่าวใหม่ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวมาปิดที่ 791.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.45 จุด หรือ 0.06% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 799.10 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 790.54 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 11,213.39 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 358 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 69.29 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 427.30 ล้านบาท
นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้คาดว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบที่ระดับ 820 จุด หากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นยืนเหนือระดับ 784 จุดได้ เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดการเลือกตั้งที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ประกอบกับการการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นประเด็นที่เข้ามาสนับสนุน
ทั้งนี้ ก่อนการเลือกตั้งยังประเมินยากว่าดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ แต่ความชัดเจนในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งน่าจะทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยที่ผ่านก่อนการเลือกตั้งดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 6%
สำหรับการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศนั้น คงต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาหนี้อสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ของสหรัฐเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าปัญหาดังกล่าวคงไม่ปานปลายจนถึงระดับวิกฤตการณ์จนถึงขั้นไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากที่ผ่านมาทางการณ์มีแนวทางที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าปัญหาดังกล่าวจะยังคงไม่จบในระยะสั้นนี้ก็ตามแต่ยังคงช่วยเข้ามาสนับสนุนด้านจิตวิทยาการลงทุน
ชี้ลดดอกเบี้ยไม่เกิน0.25%
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนยังไม่ได้กลับเข้ามาลงทุนในหุ้นมากนัก เนื่องจากยังคงรอดูสถานการณ์ หลังจากได้รับบทเรียนจากที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลงอย่างมาก แม้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งมูลค่าการซื้อขายต่อวันลดลงต่ำกว่า 16,000 ล้านบาทนั้น แสดงให้เห็นว่านักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นนักลงทุนระยะสั้นในลักษณะเก็งกำไรรายวัน
"กระแสหุ้นในขณะนี้จะอิงกับกระแสของโลกมากกว่าปัจจัยภายใน ส่วนข่าวเกี่ยวกับปัจจัยเรื่องการเมืองภาคสังคม เช่นการเลือกตั้ง หรือการลงประชามตินั้น ผลดีจบลงไปตั้งแต่การลงประชามติแล้ว หลังจากนี้การเมืองไม่น่าจะส่งผลกับดัชนีอีกต่อไป โดยปัจจัยในประเทศหลังจากนี้ที่จะกระทบต่อตลาดหุ้นจะขึ้นอยู่กับนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ทางภาครัฐจะออกมามากกว่า"
ด้านการประชุมของคณะกรรมการกนง. ส่วนตนประเมินว่ามีโอกาสการที่จะพิจารณาลดดอกเบี้ยประมาณ 0.50 % เท่านั้นในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ทางกนง.ใช้พิจารณาด้วย โดยประเมินว่าถ้ามีการปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้จริง ก็ไม่น่าจะเกิน 0.25% ทั้งนี้มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยไม่น่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจมากนัก ในทางกลับกันจะยิ่งสร้างความวิตกของประชาชนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นมา เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตลาดภูมิภาคที่ทยอยปรับตัวขึ้น และปัจจัยในประเทศเรื่องการประกาศกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามา อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายต่อวันยังคงเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ ยังคงชะลอการลงทุนและไม่เชื่อมั่นกับปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในอสังหาริมทรัพย์
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ คาดว่ามีโอกาสยืนเหนือ 800 จุดได้ และคาดดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 780-800 จุด เนื่องจากมีประเด็นที่นักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรเรื่องของ กนง.จะพิจารณาอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าการพิจารณารอบนี้ น่าจะปรับลดลงอีกประมาณ 0.25% ขณะที่ตลาดภูมิภาคน่าจะเริ่มฟื้นตัว หากไม่มีปัญหาเรื่องซับไพร์มเกิดขึ้นอีก
จับตาปัญหาตั้งพรรค
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตามต่อก่อนที่จะมีการกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.นี้คือการจัดตั้งพรรคการเมืองว่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ในส่วนตัวมองว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นยังไม่มีความชัดเจน และอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าดัชนียังมีโอกาที่จะปรับตัวผันผวนต่อไปได้ เนื่องจากเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นยังคงติดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องซับไพร์มของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ว่าปัญหาดังกล่าวจะสิ้นสุดเมื่อใด ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าหากกนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% นั้นคงไม่มีนัยสำคัญกับตลาดหุ้นไทยมากนัก แต่หากกนง.ปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาดการณ์เชื่อว่าจะส่งผลดีกับตลาดหุ้นไทยได้ ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก โดยประเมินแนวรับที่ 780 จุด และแนวต้านที่ 795 จุด
ศูนย์ระดมทุนเร่งเสนอแผน
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หัวหน้าศูนย์ระดมทุน กล่าวว่า วานนี้(27 ส.ค.) ศูนย์ระดมทุนพร้อมด้วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ได้เสนอแผนงานในการขยายฐานนักลงทุน พร้อมการเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้นายกปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรับทราบ เพื่อให้สนับสนุนในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ประเด็นในแผนงานที่ได้มีการเสนอ คือการขอให้มีการเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการดึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มจำนวนสินค้าให้กับนักลงทุน
|
|
 |
|
|