Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 สิงหาคม 2550
”จิมฯ” ยอดเดี้ยงมุ่งตปท.ผุดสนง.             
 


   
www resources

โฮมเพจ จิม ทอมป์สัน (อุตสาหกรรมไหมไทย)

   
search resources

อุตสาหกรรมไหมไทย, บจก
Garment, Textile and Fashion




“จิมทอมป์สัน”โอดปีนี้หนักหน่วง ปรับแผนลุยขยายตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้า 5 ปีสัดส่วนรายได้ 50% ชูกลยุทธ์ตั้งสำนักงานลุยเอง เผยครึ่งปีแรกรายได้ในประเทศลด 5% ส่วนตลาดส่งออกลดลง 6% ปีนี้ทุ่มงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ด้านธุรกิจร้านอาหารเปิดต่ออีก 3 แห่ง

นายเอริค บู๊ทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าไหมไทยแบรนด์ “จิม ทอมป์สัน” เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของจิมทอมป์สันในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตด้านรายได้เฉลี่ย 10-15% มาโดยตลอด แม้ในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงินปี 2540 ก็ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ขณะที่ในช่วง 1-2 ปีนี้ ธุรกิจได้รับผลกระทบหนักมาก เพราะทั้งตลาดในประเทศก็ตกลง จากปัจจัยลบหลายอย่าง ส่วนตลาดต่างประเทศก็ตกลงด้วยจากปัจจัยรอบนอกเช่น ค่าเงินบาท

อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินงานระยะยาว 5 ปีจากนี้ไป บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นกว่าเดิมเพราะมองในระยะยาวมากกว่าจะมองเพียงผลกระทบระยะสั้นนี้ โดยวางเป้าหมายสัดส่วนรายได้ต่างประเทศไว้ที่ 50% และในประเทศ 50% จากเดิมที่สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะมีเพียง 13% เท่านั้น อีกทั้งในตลาดต่างประเทศจะมีมาร์จิ้นที่สูงกว่าในไทยด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้บริษัทฯได้ปรับราคาผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10%

ทั้งนี้รายได้ของจิมทอมป์สันเมื่อปีที่แล้วมีประมาณ 2,604 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ออกเป็นดังนี้ 1.ช่องทางรีเทล ซึ่งเป็นช่องทางขายปลีกในไทย 55%, 2.สโตร์เอาท์เลท 19%, 3.ต่างประเทศ 13%, 4.ผ้าตกแต่งบ้าน 9%, 5.จุดขายที่ไบเทค 3% และ 6. ร้านอาหารและอื่นๆ 1%

สาเหตุที่หันมามุ่งเน้นตลาดต่างประเทศมากขึ้นเนื่องจากว่าปัจจุบันค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น อีกทั้งตลาดในต่างประเทศก็มีศักยภาพที่ยังจะขยายได้อีกมาก โดยเฉพาะตลาดยุโรป อเมริกา เยอรมัน สเปน ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นตลาดที่บริษัทฯทำตลาดอยู่แล้วเพียงแต่จะขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้น

ซึ่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็ได้นำผลิตภัณฑ์เพื่อออกงานแสดงสินค้าระดับโลกที่ งานเมซองเอออบเจคที่ปารีส เพื่อให้ตลาดได้รู้จักแบรนด์จิมทอมป์สันมากขึ้น

โดยมีแนวคิดที่จะจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาดูแลรับผิดชอบเอง จากเดิมที่จะทำตลาดผ่านดิสทริบิวเตอร์เท่านั้น ล่าสุดได้ก่อตั้งบริษัท จิมทอมป์สันยุโรป ที่ประเทศเยอรมัน เพื่อรับผิดชอบในตลาดยุโรปทั้งหมด คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 25 ล้านบาท และบริษัทจิมทอมป์สันฟรานซ์ที่ฝรั่งเศส เพื่อดูตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์เท่านั้นทั่วโลก คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 5 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้จะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งแบ่งใช้ไปในครึ่งปีแรกแล้ว 1 ใน 3 หรือกว่า 30 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมนี้ ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจและความวุ่นวายทางการเมืองตลอดจนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องระดับหนึ่ง รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยตลอดจนนักลงทุนจากต่างประเทศอันเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯลดลงด้วย ซึ่งลูกค้ากว่า 90% ในไทยเป็นคนต่างชาติ โดยมียอดขายปลีกครึ่งปีแรกประมาณ 744 ล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีประมาณ 783 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกได้ลงทุนเปิดสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์ และการรีโนเวทร้านอาหารในเครือ รวมทั้งการเพิ่มเครื่องจักรใหม่ๆบางส่วน

ขณะที่ยอดรายได้จาการส่งออก ครึ่งปีนี้อยู่ที่ 261 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มี 276 ล้านบาท ซึ่งสินค้าส่งออกของจิมทอมป์สันส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทผาตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์โดยมีตลาดใหญ่คือ อเมริกา สัดส่วน 35% รองลงมาคือยุโรป สัดส่วน 30% และญี่ปุ่น 15% และอื่นๆ ส่งผลให้รายได้รวมครึ่งปีแรกนี้ทำได้ 1,400 ล้านบาท ต่ำกว่าครึ่งปีแรกปีที่แล้วที่ทำได้รวม 1,412 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมทั้งปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 2,500 ล้านบาท ต่ำจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 2,604 ล้านบาท หรือตกลงประมาณ 5%

นายเอริค กล่าวต่อในส่วนของธุรกิจร้านอาหารในเครือว่า ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ โดยแบ่งเป็น ร้านอาหารในกรุงเทพฯ 3 แบรนด์คือ คาเฟ่ 9, ศาลาแดงคาเฟ่และทอมป์สันบาร์แอนด์เรสเตอรองต์ อ่งละ 1 สาขา ส่วนในต่างประเทศมีร้านมายไทยที่กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเชีย) ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหารสามารถทำรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 1% ของรายได้รวม ซึ่งยังน้อยอยู่มากแต่ก็เป็นธุรกิจที่มีอนาคตดี แผนในการขยายธุรกิจร้านอาหารปีนี้ เตรียมที่จะเปิดร้านอาหารที่ห้างอิเซตันในไทย 1 แห่ง, ในญี่ปุ่นปลายเดือนนี้ 1 แห่ง, และที่สิงคโปร์อีก 1 แห่ง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us