|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ค่าย “ยามาฮ่า” ฟันธง! ตลาดรถจักรยานยนต์วูบยาว คาดใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี จึงจะฟื้นตัวเลขยอดขายใกล้เคียงจุดสูงสุด 2 ล้านคัน หลังจากยอดขายปีนี้ร่วงหนัก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 คาดหดเหลือ 1.6 ล้านคัน หายไปกว่า 2 แสนคัน หรือมูลค่า 8 พันล้านบาท จากพิษการเมือง-เศรษฐกิจผันผวน เผยช่วงเวลา 4 เดือนที่เหลือ เตรียมทุ่มไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท หวังประคองยอดตามเป้า 4 แสนคัน
นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้ตกต่ำมาก โดยเริ่มมีการส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และถึงแม้บริษัทผู้ประกอบการจะพยายามกระตุ้นการขายเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถรักษาผลักดันได้สำเร็จ เหตุนี้ภาพรวมยอดขาย 7 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.ค.) จึงตกลงจากปีที่แล้วของช่วงเดียวกันถึง 16.2%
“นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ถือว่าปีนี้ตลาดรถจักรยานยนต์วิกฤตมากที่สุด ทั้งนี้คาดว่าถึงสิ้นปีตลาดรถจักรยานยนต์จะเหลือเพียง 1.6 ล้านคัน เทียบกับปีที่แล้วยอดขายหายไปประมาณ 2 แสนคัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท”
ส่วนสาเหตุมาจากความผันผวนทางการเมือง และเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น จึงได้ชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ซึ่งจะเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ลดลงเหลือเพียง 73% นับว่าเป็นสัญญาณที่อันตรายมาก เพราะตัวเลขที่บ่งบอกสภาวะความเชื่อมั่นได้ดี จะต้องมีตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นไม่ต่ำกว่า 100% อย่างเช่นช่วงเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเติบโตเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วมา ดัชนีความเชื่อมั่นไทยอยู่ระดับที่ 120%
อีกปัจจัยมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แม้ปัจจุบันจะมีการผลักดันกลยุทธ์ต่างๆไม่ว่ราคารถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น หรืออัตราการดาวน์ต่ำมาก แต่เนื่องจากรายได้ของประชาชนลดลง ทำให้ไฟแนนซ์มีความเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ทั้งนี้สถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยที่เกิดขึ้น หากเทียบกับวิกฤติปี 2540 มีความแตกต่างกัน เพราะเกิดจากปัญหาภายในของไทยประเทศเดียว เพราะตลาดรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนล้วนเติบโตหมด อาทิ ประเทศเวียดนามมีอัตราการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ถึง 25% และมีขนาดใหญ่กว่าไทยไปแล้วที่ประมาณ 2.5 ล้านคัน เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่เป็นตลาดใหญ่อยู่แล้ว ปีนี้มีอัตราการเติบโตมากถึง 30%
“แน่นอนไทยคงไม่เติบโตเท่ากับเวียดนาม หรืออินโดนีเซีย เพราะตลาดค่อนข้างใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวแล้วที่ประมาณกว่า 2 ล้านคัน และเคยทำได้ใกล้เคียงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คาดว่าไทยจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 ปี ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยถึงจะกลับไปสู่จุดเกือบ 2 ล้านคัน”
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปีนี้ยังไม่มีการฟื้นตัวแน่นอน คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 แสนคัน แต่เมื่อมีการเลือกตั้งช่วงก่อนสิ้นปีและมีรัฐบาลใหม่ในปีหน้า การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น จะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทย น่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1.7 แสนคัน และค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นในปีต่อไป
นายประพันธ์กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานของยามาฮ่าช่วงเวลาที่เหลือจะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการทำตลาด และกิจกรรมในพื้นที่ของตัวแทนจำหน่าย เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น รวมถึงออกไปหาลูกค้าโดยตรง เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต่อเนื่องด้วย
“ยามาฮ่าจะเน้นการทำเซลส์แคมเปญมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนเงินให้ผู้จำหน่ายทำกิจกรรมในพื้นที่ และในช่วง 4 เดือนที่เหลือนี้ เราจะมีแคมเปญใหญ่ออกมา เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้มากที่สุด คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และคาดว่าตลอดทั้งจะใช้งบประมาณการตลาดทั้งหมดเกือบ 2 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะผลักดันให้ยามาฮ่ารักษายอดขายตามเป้าที่ 4 แสนคัน จากปีที่แล้วทำได้ 4.65 แสนคัน ”
สิ้นเดือนนี้จะแนะนำยามาฮ่า ฟีโน ใหม่ พร้อมสปอตโฆษณาใหม่ และปลายปีนี้จะมีการการแนะนำรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์สู่ตลาด ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวประมาณ 5-6 รุ่น มีราคาตั้งแต่ 4-8 แสนบาท
|
|
|
|
|