Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 สิงหาคม 2550
ตลาดวูบ8พันล.ชี้จยย.อีก3ปีฟื้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ-ยามาฮ่า มอเตอร์

   
search resources

ไทยยามาฮ่า มอเตอร์, บจก.
Motorcycle




ค่าย “ยามาฮ่า” ฟันธง! ตลาดรถจักรยานยนต์วูบยาว คาดใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี จึงจะฟื้นตัวเลขยอดขายใกล้เคียงจุดสูงสุด 2 ล้านคัน หลังจากยอดขายปีนี้ร่วงหนัก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 คาดหดเหลือ 1.6 ล้านคัน หายไปกว่า 2 แสนคัน หรือมูลค่า 8 พันล้านบาท จากพิษการเมือง-เศรษฐกิจผันผวน เผยช่วงเวลา 4 เดือนที่เหลือ เตรียมทุ่มไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท หวังประคองยอดตามเป้า 4 แสนคัน

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้ตกต่ำมาก โดยเริ่มมีการส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และถึงแม้บริษัทผู้ประกอบการจะพยายามกระตุ้นการขายเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถรักษาผลักดันได้สำเร็จ เหตุนี้ภาพรวมยอดขาย 7 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.ค.) จึงตกลงจากปีที่แล้วของช่วงเดียวกันถึง 16.2%

“นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ถือว่าปีนี้ตลาดรถจักรยานยนต์วิกฤตมากที่สุด ทั้งนี้คาดว่าถึงสิ้นปีตลาดรถจักรยานยนต์จะเหลือเพียง 1.6 ล้านคัน เทียบกับปีที่แล้วยอดขายหายไปประมาณ 2 แสนคัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท”

ส่วนสาเหตุมาจากความผันผวนทางการเมือง และเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น จึงได้ชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ซึ่งจะเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ลดลงเหลือเพียง 73% นับว่าเป็นสัญญาณที่อันตรายมาก เพราะตัวเลขที่บ่งบอกสภาวะความเชื่อมั่นได้ดี จะต้องมีตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นไม่ต่ำกว่า 100% อย่างเช่นช่วงเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเติบโตเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วมา ดัชนีความเชื่อมั่นไทยอยู่ระดับที่ 120%

อีกปัจจัยมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แม้ปัจจุบันจะมีการผลักดันกลยุทธ์ต่างๆไม่ว่ราคารถจักรยานยนต์ที่ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น หรืออัตราการดาวน์ต่ำมาก แต่เนื่องจากรายได้ของประชาชนลดลง ทำให้ไฟแนนซ์มีความเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

ทั้งนี้สถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยที่เกิดขึ้น หากเทียบกับวิกฤติปี 2540 มีความแตกต่างกัน เพราะเกิดจากปัญหาภายในของไทยประเทศเดียว เพราะตลาดรถจักรยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนล้วนเติบโตหมด อาทิ ประเทศเวียดนามมีอัตราการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ถึง 25% และมีขนาดใหญ่กว่าไทยไปแล้วที่ประมาณ 2.5 ล้านคัน เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่เป็นตลาดใหญ่อยู่แล้ว ปีนี้มีอัตราการเติบโตมากถึง 30%

“แน่นอนไทยคงไม่เติบโตเท่ากับเวียดนาม หรืออินโดนีเซีย เพราะตลาดค่อนข้างใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวแล้วที่ประมาณกว่า 2 ล้านคัน และเคยทำได้ใกล้เคียงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คาดว่าไทยจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 ปี ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยถึงจะกลับไปสู่จุดเกือบ 2 ล้านคัน”

ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปีนี้ยังไม่มีการฟื้นตัวแน่นอน คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 แสนคัน แต่เมื่อมีการเลือกตั้งช่วงก่อนสิ้นปีและมีรัฐบาลใหม่ในปีหน้า การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น จะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทย น่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1.7 แสนคัน และค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นในปีต่อไป

นายประพันธ์กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานของยามาฮ่าช่วงเวลาที่เหลือจะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการทำตลาด และกิจกรรมในพื้นที่ของตัวแทนจำหน่าย เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น รวมถึงออกไปหาลูกค้าโดยตรง เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต่อเนื่องด้วย

“ยามาฮ่าจะเน้นการทำเซลส์แคมเปญมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนเงินให้ผู้จำหน่ายทำกิจกรรมในพื้นที่ และในช่วง 4 เดือนที่เหลือนี้ เราจะมีแคมเปญใหญ่ออกมา เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้มากที่สุด คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และคาดว่าตลอดทั้งจะใช้งบประมาณการตลาดทั้งหมดเกือบ 2 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะผลักดันให้ยามาฮ่ารักษายอดขายตามเป้าที่ 4 แสนคัน จากปีที่แล้วทำได้ 4.65 แสนคัน ”

สิ้นเดือนนี้จะแนะนำยามาฮ่า ฟีโน ใหม่ พร้อมสปอตโฆษณาใหม่ และปลายปีนี้จะมีการการแนะนำรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์สู่ตลาด ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวประมาณ 5-6 รุ่น มีราคาตั้งแต่ 4-8 แสนบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us