Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 สิงหาคม 2550
อสังหาฯเข้าเกียร์ลุยโปรเจกต์ปี51คิวเฮ้าส์ปูพรม2หมื่นล.-ปริญฯเน้นคอนโดฯ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด

   
search resources

ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.
รัตน์ พานิชพันธ์
Real Estate




บริษัทอสังหาฯเริ่มเคลื่อนไหวเปิดแผนลงทุนโครงการใหม่ปี 2551 หลังสถานการณ์การเมือง และเลือกตั้งชัดเจน ค่ายคิวเฮ้าส์ในเครือแลนด์ฯ ปูพรม 13 โครงการ มูลค่าขาย 21,000 ล้านบาท กว่า 3,000 ยูนิต ดันแบรนด์คาซ่าขยายตลาดประมาณ 8-9 โครงการ ส่วนคอนโดฯ 2 โครงการ คาดเปิดขายตั้งแต่ปลายปี 2551 ด้านปริญสิริฯ วางเป้าปีหน้าทั้งตลาดบ้านและคอนโดฯ 9-10 โครงการ พร้อมวางตำแหน่งพัฒนาคอนโดฯ 3 กลุ่ม ชิมลางราคาถูก 6-8 แสนบาทต่อยูนิต

จากปัจจัยความชัดเจนทางการเมือง ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมากการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ที่พึ่งผ่านพ้นไป และการส่งสัญญาณจากรัฐบาลที่จะจัดมีการเลือกตั้งภายในเดือนธ.ค.นี้ เริ่มเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ความเชื่อมั่นของลูกค้าจะเกี่ยวโยงกับแนวโน้มของเศรษฐกิจ อาจจะทำให้ผู้ที่คิดจะซื้อบ้านกล้าตัดสินใจในการก่อหนี้ระยะยาว

แต่สำหรับบริษัทอสังหาฯ เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อรับการเติบโตของตลาดอสังหาฯในระยะข้างหน้า โดยล่าสุด ยักษ์ใหญ่ที่พัฒนาโครงการบ้านหรูอย่างบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ได้ประกาศลงทุนโครงการใหม่ในปี 2551

นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ฯ หรือ QH เปิดเผยว่า ในครึ่งหลังของปี 2550 บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 7 ,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ ที่เปิดตัวไปแล้วในไตรมาส 3 จำนวน 2 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยวที่เตรียมจะเปิดตัวในปลายปีนี้อีก 3 โครงการ ทั้งนี้คาดว่าในปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้ทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้าน 87% และรายได้จากธุรกิจให้เช่า 13 %

นอกจากนี้ ในปี 2551 บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 13 โครงการ หรือกว่า 3,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 21,000 ล้านบาท แยกเป็นแบรนด์คิวเฮ้าส์ประมาณ 4-5 โครงการ และแบรนด์คาซ่าซิตี้ (ทาวน์เฮาส์ )2 โครงการและคาซ่า วิลล์ (บ้านเดี่ยว) ประมาณ 6-7 โครงการ

ในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมนั้น อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมแผน ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาในเบื้องต้น 2 โครงการ ได้แก่ Q House คอนโด สาทร จำนวน 530 ยูนิต คาดเปิดขายปลายปี 2551 และโครงการคาซ่า คอนโด ท่าพระ ประมาณ 238 ยูนิต คาดเปิดขายภายในปี 2552

" โครงการในปี 2551 ส่วนใหญ่จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ส่วนโครงการทาวน์เฮาส์ มีจำนวน 2 โครงการ และคาดว่าจะมีรายได้จากการขายบ้านเพิ่มขึ้น 20 % เมื่อเทียบกับปี 2550 "นายรัตน์ กล่าว

อนึ่ง ในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 2,626 ล้านบาท เติบโตกว่า 28 % จากไตรมาสเดียวกันในปี 2549 ที่มีรายได้ 2,051 ล้านบาท ทั้งนี้แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 2,238 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่และบริการ 284 ล้านบาท และรายได้จากส่วนอื่นๆอีก 104ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 224 % จาก 75 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 49

ปริญสิริฯลุยโครงการใหม่แนวราบ-สูง

นายนำชัย วนาภานุเบศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน ) กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 51 ว่า แนวทางแรกจะมีการปรับภาพลักษณ์ตราสินค้า (รีแบรนด์) ของบริษัทใหม่ โดยจะใช้งบประมาณ2.5-3% ของรายได้รับรู้ หรือประมาณ 150 ล้านบาทในการรีแบรนด์สินค้า

แนวทางที่สอง ได้กำหนดเป้าหมายของการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มประมาณ 9-10 โครงการ แยกเป็นตลาดโครงการแนวราบ 6 โครงการ และโครงการแนวสูง 3-4โครงการ โดยในส่วนของโครงการแนวสูงนั้น บริษัทได้ซื้อที่ดินเข้ามารอกาพัฒนาโครงการใหม่ทั้งหมดแล้ว จากงบในการซื้อที่ดินสะสมในปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีทีผ่านมา ที่ประมาณการในการซื้อที่ดินสะสมไว้ 1,000 ล้านบาท

สำหรับที่ดินที่ซื้อเข้ามารอพัฒนาโครงการสูงในปี 51 ใน 4ทำเลประกอบด้วย ทำเลย่านปิ่นเกล้า ตรงข้ามเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ทำเลย่านถนนตากสินอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส 200 เมตร ทำเลย่านจตุจักร ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน 500-600เมตร และทำเลเลียบถนนพระราม 2

" ตำแหน่งของสินค้าคอนโดมิเนียม จะถูกโฟกัสให้ตรงกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน คือ หากเป็นพระราม 2 บริษัทจะเริ่มพัฒนาคอนโดฯในลักษณะโลว์ไรส์ราคาถูกประมาณ 6-8 แสนบาทต่อยูนิตออกสู่ตลาด ขณะที่โครงการโซนปิ่นเกล้า ตากสินและจตุจักร จะเป็นโครงการแนวสูงทั้งหมด แต่ละโครงการจะมีมูลค่า1,000 ล้านบาท แต่หากเป็นโครงการแนวสูง 3 โครงการดังกล่าวจะมีมูลค่าขายรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า แต่ละโปรดักส์ของคอนโดฯ เน้นกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะ ตลาดคอนโดฯราคาถูก คอนโดฯเจาะแนวรถไฟฟ้าและโครงการที่เจาะลูกค้าในย่านชุมชน ซึ่งจะมีรูปแบบเดียวกับโครงการของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าชุมชนหนาแน่น"นายนำชัย กล่าว และชี้ให้เห็นว่า

เป้ายอดรับรู้รายได้ในปีหน้าจะประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท หรือมียอดขาย 6,000-6,500 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปี 2550 อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตรากำไรเบื้องต้นและยอดรายได้รับรู้ของบริษัทในปี 51 จะขยับตัวสูงกว่าในปีนี้ คาดว่าอัตรากำไรเบื้องต้นจะไม่ต่ำกว่า 30-35% เพราะมีสัดส่วนรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันยอดรับรู้รายได้จากบ้านเดี่ยวจะมีสัดส่วนลดลง เนื่องจากในปี 51 คาดว่าตลาดบ้านเดี่ยวระดับ 3-5 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์มีการแข่งขันที่สูงอยู่ โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวระดับ 3-5 ล้านบาท ขณะที่อัตราการแข่งขันของคอนโดฯแม้จะสูง แต่พบว่าความต้องการมีอยู่ต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนทางด้านการตลาดค่อนข้างต่ำ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us