Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 สิงหาคม 2550
ฝรั่งทิ้งไม่หยุดหุ้นรูด28จุดห่วงเลื่อนเลือกตั้งผสม"ซับไพรม์"ยังไม่ยุติ             
 


   
search resources

Stock Exchange




ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯวานนี้ (21 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากแรงเทขายของนักลงทุนหลังมีข่าวลือสะพัดในห้องข่าวเกี่ยวกับกระแสการทำ "รัฐประหารซ้ำ" ภายหลังจากที่ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พล.อ. สนธิ บุญรัตนกลิน ผู้บัญชาการทหารบกออกมาระบุว่าอาจจะต้องมีการเลือกตั้งออกไปเพราะคาดว่าจะมีเรื่องใหญ่กว่านั้นเกิดขึ้น ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 764.40 จุด ลดลง 27.62 จุด หรือ 3.49% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 797.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 20,489.69 ล้านบาท

ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 209.85 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 220.87 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 11.01 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แย่มากกับกระแสข่าวลือที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นค่อนข้างรุนแรงเมื่อวานนี้ เพราะตลาดหุ้นไทยเพิ่งได้รับปัจจัยบวกเข้ามาทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติเริ่มมีมากขึ้น แต่กระแสข่าวเรื่องการรัฐประหารซ้ำที่เกิดขึ้นในห้องค้าเมื่อวานนี้เหมือนระเบิดที่เข้ามาถล่มตลาดหุ้นอีกระลอก

ทั้งนี้ เชื่อว่าความตื่นตระหนกของนักลงทุนยังจะเกิดขึ้นอีกระยะ แม้ว่ากระแสข่าวดังกล่าวจะมีออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่การที่ข่าวลือมาเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี จะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาในการลงทุนค่อนข้างนาน โดยหากจะเรียกความเชื่อของนักลงทุนกลับมา การแสดงความชัดเจนในคำพูดของประธานคมช.เกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่า ที่อาจจะทำให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปคืออะไรน่าจะเป็นเรื่องที่จะบรรเทาปัญหาได้ในระดับหนึ่ง

"ถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มากๆๆ ตลาดหุ้นกำลังอยู่ในช่วงที่ดีทั้งข่าวดีในเรื่องประเทศข่าวดีนอกประเทศ แต่กลับต้องมาเจอข่าวลือที่เข้ามากระทบต่อความมั่นใจ ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการรักษาความรู้สึกของนักลงทุนให้กลับมามั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมอีกครั้ง"แหล่งข่าวกล่าว

รอเงินนอกเข้าหนุนหุ้นไทย

นางมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.แอ็คคินซัน กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง เป็นผลมาจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ ซับไพรม์ เนื่องจากมีข่าวว่าบริษัทในสหรัฐอเมริกาและในทวีปยุโรปกำลังประสบปัญหาจากปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับยังไม่สามารถประเมินได้ว่าปัญหาซับไพรม์ลุกลามไปถึงขนาดไหน โดยสาเหตุที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมามากกว่าตลาดอื่นนั้น เป็นผลมาจากการที่วานก่อนดัชนีปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ถ้าประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย ตามปัจจัยพื้นฐานจริงๆ แล้วน่าจะมีระดับดัชนีที่ประมาณช่วงปลาย 700 จุดไม่เกิน 800 จุด ส่วนโอกาสที่ดัชนีจะกลับขึ้นไประดับสูงอีกครั้งนั้นค่อนข้างจะยาก เพราะการที่ดัชนีจะกลับขึ้นไปเป็นขาขึ้นอีกครั้ง จำเป็นต้องอาศัยการไหลเข้าของเงินต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันจากปัญหาซับไพรม์ทำให้เงินที่จะไหลเข้าหายไปเกือบหมด อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัญหาซับไพรม์จะหมดไป ก็ยังมีปัจจัยกดดันจากในประเทศไทยอยู่

นางสาวมยุรี โชวิกานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า หุ้นที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากการขายเพื่อปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติจากปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐอเมริกา ที่ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ คาดว่าการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างประเทศนั้น ยังคงต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้การที่ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 890 จุด ส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนเฮดจ์ฟันด์เป็นส่วนใหญ่ และยังไม่มีใครประเมินได้อย่างแน่ชัดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปัญหาซับไพรม์กับกลุ่มเฮดจ์ฟันด์จะมากน้อยเพียงใด

"ส่วนข่าวลือเรื่องการเลือกตั้งที่อาจจะเลื่อนออกไปนั้น ถ้าตราบใดยังมีความแน่ชัดว่าจะมีการเลือกตั้ง และการเลื่อนออกไปอยู่ในระยะเวลาที่ประชาชนรับได้ ก็ไม่น่าจะเป็นปัจจับลบที่กดดันตลาดหุ้นมากนัก "

ทั้งนี้ ในระยะสั้น ดัชนีน่าจะยังคงแกว่งตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญจากการแก้ไขปัญหาซับไพรม์ โดยให้แนวรับที่ 755 จุด และแนวต้านที่ 775 จุด

ชี้ซับไพรม์กระทบถึงไตรมาส 3

น.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนไม่แน่ใจว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตลาดซับไพรม์ในสหรัฐฯ ได้สะท้อนเข้ามาในตลาดหุ้นทั้งหมดแล้วหรือยัง โดยหากดูการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นักลงทุนยังไม่แน่ใจว่า ปัญหาดังกล่าวส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงไปจุดต่ำสุดหรือยัง จึงทำให้เกิดความไม่มั่นใจตามมา

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าผลกระทบจากเรื่องปัญหาซับไพรม์น่าจะส่งผลกระทบที่ชัดเจนออกมากับผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 เพราะฉะนั้นใน 2 เดือนหลังจากนี้ตลาดหุ้นน่าจะได้รับผลกระทบทางจิตวิทยาต่อไป

ห่วงกระทบหุ้นถึงปีหน้า

ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปัญหาการปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์ด้วยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เป็นตัวบั่นทอนเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งหากสถานการณ์บานปลายจนเกิดควบคุมอาจกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยไปจนถึงปีหน้า

ในส่วนของปัจจัยทางการเมือง แม้ว่าจะมีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับปัญหาการเมืองของไทยยังไม่จบ เนื่องจากการเมืองไทยที่จะเกิดขึ้นจะเป็นลักษณะรัฐบาลผสม หรือมีการแบ่งขั้วทางการเมืองที่ชัดเจน

ตลาดหุ้นโลกทิศทางสับสน

ทางด้านภาวะตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกอยู่ในสภาพสับสนไร้ทิศทางชัดเจน โดยที่บรรดานักวิเคราะห์ต่างเตือนให้ระวังราคาหุ้นยังจะเหวี่ยงตัวหวือหวาไปอีกพักใหญ่ สืบเนื่องจากยังคงมีความวิตกในเรื่องภาวะสินเชื่อตึงตัว และพิษที่ยังแผ่ลามของวิกฤตซับไพรม์

ในตลาดวอลล์สตรีทเมื่อวันจันทร์(20) นักวิเคราะห์บอกว่ามีการช่วงชิงต่อสู้กันตลอด ระหว่างหุ้นบลูชิป กับ ทรัพย์สินที่มีความปลอดภัยมากกว่า อย่างเช่น ตั๋วเงินคลังสหรัฐฯอายุ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ในชั่วโมงท้ายๆ ของการซื้อขาย หุ้นบลูชิปสามารถกระเตื้องขึ้น และดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ซึ่งเป็นมาตรวัดหุ้นกลุ่มนี้ ปิดสูงขึ้น 42.27 จุด หรือ 0.32% แต่กระนั้น ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ที่เป็นมาตรวัดราคาหุ้นวงกว้างกว่า ยังคงติดลบ 0.03%

ระหว่างวันจันทร์ ยังเต็มไปด้วยข่าวร้ายเกี่ยวกับบริษัทที่ปล่อยกู้สินเชื่อเคหะของสหรัฐฯ เป็นต้นว่า แคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล คอร์ป กิจการธนาคารซึ่งเลื่องชื่อเรื่องออกบัตรเครดิตเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐฯ ต้องประกาศปิด กรีนพอยต์ มอร์เกจ กิจการปล่อยสินเชื่อเคหะซึ่งตนเองเพิ่งซื้อมาในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ด้วยราคา 13,200 ล้านดอลลาร์

ธอร์นเบิร์ก มอร์เกจ อิงก์ บริษัทให้กู้สินเชื่อเคหะอีกรายหนึ่ง แจ้งว่า ต้องนำเอาทรัพย์สินอันเกี่ยวข้องกับสินเชื่อเคหะเป็นมูลค่า 20,500 ล้านดอลลาร์ออกมาขาย ตลอดจนลดการขอกู้หนี้ระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยงของตนเอง โดยที่ทรัพย์สินที่ปล่อยขายนี้คิดเป็นกว่า 35% ของทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัททีเดียว

ลูมิเมนต์ มอร์เกจ แคปิตอล อิงก์ ก็ประกาศขายหุ้นตัวเองจำนวน 51% ด้วยราคาลดฮวบฮาบ ให้แก่ อาร์โก แคปิตอล คอร์ป เพื่อให้ฐานะทางการเงินของตนเองดีขึ้น

ทางด้านตลาดแถบเอเชียวานนี้ แม้ตอนต้นๆ หลายตลาดทำท่าจะไปได้สวยสดต่อเนื่องจากวันจันทร์ แต่แล้วก็กลับถอยลงมา จนบางแห่งเข้าสู่แดนลบด้วย

โดยที่ตลาดโตเกียวบวกขึ้นมา 1.07%, ฮ่องกงเพิ่ม 0.62%, โซลขยับขึ้น 0.3%, มีเพียงมะนิลาซึ่งทะยานแรงถึง 9.8% ส่วนหนึ่งเนื่องจากวันจันทร์ที่ใครๆ พุ่งพรวดนั้น เป็นวันหยุดปิดทำการในฟิลิปปินส์

แต่สำหรับสิงคโปร์ทรุดลงมา 2.82%, กัวลาลัมเปอร์ลบ 1.0%, ไทเปหด 0.43%, จาการ์ตาหาย 2.4%, มุมไบหล่น 3.04%

สำหรับตลาดยุโรปวานนี้ในช่วงเปิดตลาดขยับขึ้น แต่ถึงราวเที่ยงวัน ลอนดอนตกลงมา 0.66%, แฟรงเฟิร์ตก็ลบ 0.52% แต่ปารีสยังบวก 0.03%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us