พฤกษาฯ เดินหน้าโกอินเตอร์ เร่งศึกษาตลาด เตรียมรุกอสังหาฯ เวียดนามหรืออินเดียสิ้นปีนี้ พร้อมขยับทำเลเข้าเมือง แตก 5 แบรนด์ใหม่กินรวบเซกเมนต์กลาง-บนในไทย หลังโชว์ยอดพรีเซลครึ่งปีแรกสวนกระแสอีกครั้งเพิ่มขึ้นทะลุ 62%

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากุญแจที่สร้างความสำเร็จของ “พฤกษาฯ” ในวันนี้อยู่ที่การรุกตลาดบ้านระดับกลาง-ล่างโดยใช้โมเดลธุรกิจที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยการสวมหมวก 3 ใบใน 3 บทบาท ได้แก่ ดีเวลลอปเปอร์-ผู้รับเหมา-ผู้ผลิตชิ้นส่วน Pre-Cast ในเวลาเดียวกัน รวมทั้งความรวดเร็วในการทำงาน เพื่อเอาชนะต้นทุนและคู่แข่ง ซึ่งผู้บริหารพฤกษาฯ เคยบอกไว้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คู่แข่งจะตามได้ทัน เพราะการสร้างกำไรให้ได้ระดับเท่ากับที่พฤกษาฯ ทำ คู่แข่งจะต้องทำ 3 หน้าที่ดังกล่าวพร้อมกัน และสิ่งที่ตามมา คือ ต้องทุ่มสมองและเม็ดเงินลงทุนสูงมาก จึงกลายเป็นกำแพงอุปสรรคที่ขวางไม่ให้คู่แข่งเข้ามาแย่งมาร์เก็ตแชร์ไปได้

หากจะใช้คำพูดเพื่ออธิบายการเติบโตของพฤกษาฯ ว่า “ป่าล้อมเมือง” ก็คงไม่ผิดจากความจริงนัก เพราะจุดเริ่มต้นของพฤกษาเกิดมาจากการรุกตลาดทาวน์เฮาส์นอกเมืองด้วยราคา 600,000 บาท ที่นับได้ว่าเป็นบลูโอเชี่ยนของตลาดที่อยู่อาศัยเมืองไทยที่ผู้เล่นในตลาดมองข้าม แต่กลับเป็นสิ่งที่ พฤกษาฯ มองเห็น จนเมื่อประสบความสำเร็จ พฤกษาฯ เริ่มขยับการทำตลาดให้ครอบคลุมไปถึงกลุ่มเป้าหมายระดับกลางมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนจากบ้านเดี่ยวในแบรนด์ “ภัสสร” ราคา 2-4 ล้านบาท และ “พฤกษาวิลเลจ” ราคา 2-2.2 ล้านบาท และเห็นภาพชัดเจนขึ้นเมื่อมีการเปิดตัวทาวน์เฮาส์แบรนด์ “เดอะ คอนเนค” ราคา 1.4-1.7 ล้านบาท ก่อนจะขยับรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ทำเลในเมืองของพฤกษาฯ เป็นครั้งแรกในนาม “ไอวี่” คอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้า ราคา 1.4-3 ล้านบาท และ “เดอะ ทรี” คอนโดมิเนียมในทำเลใกล้เมือง ราคา 900,000-1 ล้านบาท และยังจะมีแบรนด์อื่นๆ ตามมาในอนาคต ทั้งหมดฉายให้เห็นภาพความพยายามของพฤกษาฯ ที่จะอุดช่องว่างของตลาดในเซกเมนต์ระดับกลาง-ล่างให้มากที่สุด

ความสำเร็จของพฤกษาฯ ที่ปูทางไว้ ทำให้พฤกษาฯ สามารถสวนกระแส สร้างยอดขายไตรมาส 2 อยู่ที่ 2,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 62% และเพิ่มขึ้น 22 % จากไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งสูงสุดทำลายสถิติใหม่อีกครั้ง โดยมาจากทาวน์เฮาส์ 1,229 ล้านบาท ซึ่งพฤกษาฯ สามารถขยายมาร์เก็ตแชร์จาก 34.7% ในปี 2549 มาเป็น 52.8% ในปีนี้ หรือเป็นอันดับ 1 ในตลาดรวมทาวน์เฮาส์, บ้านเดี่ยว 902 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ไอวี่ 777 ล้านบาท ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปีหน้า ทำให้โดยรวมครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 5,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้านยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18% อยู่ที่ 2,233 ล้านบาท

ในครึ่งปีหลังพฤกษาฯ มีแผนจะเปิดโครงการใหม่อีก 13 โครงการ ซี่งการปรับตัวที่น่าสนใจอยู่ที่ “พฤกษาวิลเลจ” และ “เดอะ คอนเนค” ที่จะขยับทำเลเข้าสู่เมืองมากขึ้น ด้วยราคาเริ่มต้นต่อยูนิตเพียง 1.4 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งที่พัฒนาทาวน์เฮาส์ในทำเลเดียวกันอยู่ที่ 2-3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเตรียมปรับโครงสร้างสินค้าใหม่ ด้วยการแตกแบรนด์ใหม่อีก 5 แบรนด์ (ดูตารางประกอบ) สำหรับบ้านเดี่ยวราคา 2.2-10 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ราคา 2-3.5 ล้านบาท ที่ส่วนหนึ่งจะมีแบรนด์สำหรับทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ทำเลในเมือง โดยจะรักษาระดับราคาด้วยการลดพื้นที่ใช้สอยลง ทำให้การทำตลาดครอบคลุมเซกเมนต์ระดับกลาง-บนที่พฤกษาฯ ยังไม่เคยเข้าไปทำตลาดมาก่อน ตามเป้าหมายของพฤกษาฯ ที่ต้องการจะขยายฐานลูกค้าไปยังปลายปิระมิดด้านบนด้วย

สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจส่วนหนึ่งอยู่ที่การเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่พฤกษาฯ ประสบความสำเร็จส่วนหนึ่งกับตลาดในประเทศแล้ว ก็ถึงเวลาที่พฤกษาฯ จะออกไป “โตนอกบ้าน” ซึ่ง ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS) กล่าวว่า เป็นการเดินเข้าหาตลาดใหม่ๆ ที่มีน่าสนใจ และมีโอกาสเติบโตสูง เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

ทองมา บอกว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างให้บริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาตลาดในเวียดนามและอินเดีย ก่อนตัดสินใจว่ากำหนดรูปแบบการลงทุน และประเทศที่จะเข้าไปลงทุนภายในสิ้นปีนี้ โดยกำหนดเม็ดเงินลงทุน 300-400 ล้านบาท เพราะเห็นว่ารูปแบบตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน 2 ประเทศดังกล่าวยังขาดแคลนบ้านระดับกลาง-ล่างคล้ายคลึงกับไทย และพฤกษาฯ สนใจที่จะเข้าไปทำตลาดในเซกเมนต์ดังกล่าว ซึ่งเป็นทางที่พฤกษาฯ ถนัด และยังมีดีมานด์อีกมาก เช่น ขณะนี้อินเดียยังขาดแคลนบ้านระดับกลางสูงถึง 10 ล้านยูนิต ทั้งนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่พฤกษาฯ ยอมรับได้จะต้องไม่ต่ำกว่าการลงทุนในประเทศ คือ 30% โดยการลงทุนต่างประเทศจะมีสัดส่วนเพียง 10% ของพอร์ตเท่านั้น และช่วงแรกจะเป็นการเข้าไปเพื่อเรียนรู้ตลาดมากกว่าการรุกตลาดแบบ Aggressive