|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“คอนวูดฯ” ขยายตลาดรุกหัวหาดตลาดซิตี้คอนโดฯ พร้อมบุกตลาดสร้างบ้านในต่างจังหวัด พบตลาดรับสร้างบ้านยังเติบโต พร้อมดันสินค้านวัตกรรมทั้งไม้ฝาและผนังเจาะกลุ่มลูกค้า เสริมกิจกรรม CRM ตั้งทีมบริการ “Conwood Solution Team” บุกกลุ่มกำลังซื้อสูงโดยเฉพาะ มั่นใจยอดขายโตตามเป้า
นายสุทธิพันธ์ วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนวูด จำกัด ในเครือบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ จำพวกไม้เชิงชาย ไม้ระแนง ไม้บัวพื้น และไม้ฝา ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ว่า ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง และทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องค่าเงินบาท ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน
“ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นนี้ ทำให้เกิดการแข่งขันสูง ขณะที่ผู้บริโภคก็หันมาให้ความสนใจในเรื่องราคากันมากขึ้น บริษัทฯ จึงต้องจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค โดยเราเน้นเรื่องของการส่งเสริมการขาย ซึ่งไม่ใช่การลดราคา เพราะสินค้าของบริษัทฯอยู่ในระดับพรีเมียม แต่จะเน้นการตลาดสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลักมากกว่า นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง CONWOOD Solution Team ขึ้น ซึ่งเป็นทีมงานคอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ ควรพัฒนาไปในแนวทางใด จึงจะตรงใจลูกค้ามากที่สุด " นายสุทธิพันธ์ กล่าวและว่า
กลุ่มตลาดที่บริษัท คอนวูดฯ จะเน้นเป็นตลาดพรีเมียมที่เป็นบ้านโครงการเป็นหลัก เมื่อตลาดคอนโดฯมาแทนที่ตลาดบ้านเดี่ยว บริษัทฯ ก็มีแผนรองรับด้วยการหันไปจับตลาดคอนโดฯให้มากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ก็มีวัสดุทดแทนไม้ที่สามารถใช้กับคอนโดฯได้ เช่น ไม้ฝา และผนัง
ส่วนภาพรวมในปี 2550 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 750 ล้านบาท ยอดขายรวมครึ่งปี 2550 ที่ผ่านมาทำยอดขายได้ 370 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 5.7% เมื่อเทียบสัดส่วนกับยอดขายรวมครึ่งปีแรกของปี 2549 และภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าบริษัทฯ จะได้ยอดขายทั้งหมด 750 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ ขณะที่ในปี 2551 บริษัทฯ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งปีอยู่ที่ 800 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะหันไปเจาะตลาดต่างจังหวัด และเน้นกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้านให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ยอดขายในต่างจังหวัดอยู่ที่ 60% และกรุงเทพฯ 40% เนื่องจากตลาดต่างจังหวัดยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก เพราะส่วนใหญ่เจ้าของบ้านจะนิยมสร้างบ้านเอง มากกว่าซื้อบ้านในโครงการจัดสรร โดยในตลาดสร้างบ้านเองนั้น ลูกค้า ช่างรับเหมา สถาปนิก นักออกแบบต่างๆ จะเป็นผู้เลือกวัสดุเอง โดยเฉลี่ยแล้วเฉพาะเชิงชายมีมูลค่าเกือบ 20,000 บาทต่อยูนิต ขึ้นอยู่กับขนาดของบ้าน ยังไม่นับรวมถึงวัสดุต่อเนื่องอื่นๆ อีก ทำให้มีโอกาสมากกว่าการทำตลาดในกรุงเทพฯ ที่ส่วนใหญ่เป็นของโครงการจัดสรร และยังเน้นไปที่ตลาดคอนโดฯอีก ดังนั้น การหันไปหาตลาดต่างจังหวัดจึงเป็นทางเลือกที่ดีขึ้น
"เมื่อบริษัทกำหนดทิศทางการตลาดไว้ชัดเจน ดังนั้น บริษัทคอนวูดฯได้เตรียมงบการตลาดไว้ประมาณ 5-6% ของเป้าหมายยอดขาย เพื่อขยายตลาดต่างจังหวัด โดยเน้นการสร้างความรู้ สร้างกิจกรรมอบรมสถาปนิก ตัวแทนจำหน่าย ผู้รับเหมาท้องถิ่น เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ โดยตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้ แบรนด์คอนวูดจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเจ้าของบ้าน และกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ได้เกิน 50% นอกจากนี้ จะเน้นกิจกรรมด้าน CRM (Customer Relations Management) เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทฯกับลูกค้า" นายสุทธิพันธ์ กล่าว
สำหรับแผนทำตลาดต่างประเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า คงต้องเน้นประเทศเพื่อนบ้านแถบชายแดน เช่น เวียดนาม ,พม่ากัมพูชา และลาว ซึ่งคอนวูดจะดำเนินการพร้อมไปกับบริษัทแม่เครือปูนซีเมนต์นครหลวง โดยตั้งเป้าให้ยอดขายในตลาดต่างประเทศมีสัดส่วนที่ 10% ของยอดขาย 900 ล้านบาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งเตรียมแผนที่จะขยายกำลังการผลิตไลน์ที่ 3 เพิ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวตลาดส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ ตนมองว่า ตลาดเวียดนาม เป็นตลาดที่มีศักยภาพมากกว่ากัมพูชา โดยมีกำลังซื้อสูงมาก คาดว่าจะเดินหน้าไปได้เร็วกว่าตลาดกัมพูชา อย่างไรก็ตาม สไตล์บ้านของตลาดเวียดนาม จะเป็นแบบฝรั่งเศส ทำให้บริษัทฯ อาจจะต้องปรับในบางสายการผลิตให้เข้ากับความต้องการของตลาดดังกล่าว” นายสุทธิพันธ์ กล่าว
|
|
|
|
|