|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว ปรับตัวรับความเสี่ยง เดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กระจายรับลูกค้าจากหลายตลาด ทั้งเอเชียและยุโรป ขณะที่ โรงแรมนารายณ์ ปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้จากร้านอาหารจับตลาดคนไทย ทดแทนรายได้จากห้องพัก ด้านผู้ประกอบการนำเที่ยวปรับวิธีขาย ช่วงโลว์ซีซั่น จับมือโรงแรมจัดปีโมชั่นแถมฟรีห้องพัก
นายยุทธ ด่านภักดีกุล ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพ เปิดเผยว่า ท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่อ่อนไหวง่าย ปัจจัยลบในเกือบทุกสถานการณ์จึงมีผลให้นักท่องเที่ยวหยุดหรือชะลอการเดินทาง ซึ่งสำหรับประเทศไทยปีนี้ถือว่าปัจจัยลบที่กระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวคือปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ลดน้อยกว่าทุกปี ขณะที่ครึ่งปีแรกลดลงจากปีก่อน 12-14% ทั้งนี้เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของโรงแรม เดอะทวิน ทาวเวอร์ จะมาจากประเทศในกลุ่มเอเชียเป็นหลัก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี โดยคิดเป็น 70-80% ของลูกค้าชาวต่างชาติทั้งหมด ส่วนลูกค้าจากยุโรป และ อเมริกา มีประมาณ 10-15% ที่เหลือเป็นตลาดคนไทยกลุ่มประชุมสัมมนา
ทั้งนี้ในส่วนของลูกค้าตลาดเอเชีย ญี่ปุ่นเป็นตลาดใหญ่สุดของ โรงแรม โดยมีสัดส่วน 55% และตั้งแต่ต้นปี ญี่ปุ่น ถือเป็นตลาดที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมากที่สุด ในส่วนของเดอะ ทวินฯ ลูกค้าชาวญี่ปุ่น หายไปถึง 30%
ปรับสัดส่วนลูกค้าเอเชีย-ยุโรป
จากสาเหตุกังกล่าวข้างต้น โรงแรมจึงปรับกลยุทธในการทำตลาด ด้วยการปรับเปลี่ยนสัดส่วนลูกค้า ด้วยการเพิ่มตลาดยุโรปให้มากขึ้น ล่าสุด ได้จับมือผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวท่องเที่ยวท้องถิ่นรวม 10 ราย ในประเทศ ตุรกี ไซปัส และอีกหลายประเทศในยุโรป ทำโปรโมชั่นร่วมกัน นำเสนอแพกเกจทัวร์พร้อมห้องพัก ซึ่งตลาดให้การตอบรับดี และ นักท่องเที่ยวจะเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาใช้บริการตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ครึ่งปีหลัง ผลประกอบการของโรงแรมจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ตลาดใหม่ๆ ที่ทางโรงแรมเริ่มบุกมากขึ้นได้แก่ เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย อเมริกา และเยอรมันเป็นต้น คาดว่าในรอบงบบัญชี 2551( 1พ.ย.50-31ต.ค.51) สัดส่วนลูกค้าของ โรงแรมจะเปลี่ยนเป็น ตลาดยุโรป 20-25% ส่วนตลาดเอเชีย จะลงมาอยู่ที่ประมาณ 60%
นอกจากนั้นทางโรงแรม ยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านเว็บไซน์ ซึ่งปัจจุบันมีการเติบโตสูงมาก คาดว่าปีนี้ ช่องทางจำหน่ายผ่านเว็บไซน์ของ โรงแรมจะโต 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยทางโรงแรมได้เข้าเป็นสมาชิก ฟาสต์ บุ๊คกิ้ง ดอท คอม ซึ่งเป็นเว็บไซน์เกี่ยวกับการจองโรงแรมที่พัก ของประเทศอเมริกา ซึ่งการจองผ่านเว็บไซน์นี้ จะได้ราคาที่ดีกว่า การจองผ่านเอเยนต์ถึง 25% อย่างไรก็ตามจากการปรับกลยุทธของโรงแรม คาดว่า ตัวเลขอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีของโรงแรม จะอยู่ที่ประมาณ80-85% จากปัจจุบัน อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะประมาณ 77% ลดจากปีก่อนที่เคยได้อยู่ 80-90%
เพิ่มรายได้ธุรกิจอาหารลดเสี่ยง
ทางด้านนายสุรัตน์ พาชู ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม นารายณ์ สีลม และ โรงแรม ทริปเปิ้ล ทู สีลม กล่าวว่า ทางโรงแรม ได้ลดความเสี่ยงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบด้าน ด้วยการเพิ่มรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม จับเป้าหมายเป็นคนไทย กลุ่ม ครอบครัว และวัยทำงาน ล่าสุดโรงแรมนารายปรับเพิ่มเมนูอาหารเวียดนาม ไปใส่ไว้ในเมนูอาหารที่ห้องอาหารนานาชาติ ของโรงแรม ทริปเปิ้ล ทู เป็นการเพิ่มความหลากหลายให้แก่ผู้บริโภค
ปัจจุบัน ทั้งโรงแรมนารายณ์ และ ทริปเปิ้ล ทู มีร้านอาหารรวมกัน 4 ร้าน ได้แก่ รัศมีสุกี้ , ห้องอาหารตะเพียนทอง ห้องอาหาร เปปเปอร์โรนี และ ห้องอาหารนานาชาติ มีรายได้รวมเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของ รายได้รวม ขณะที่รายได้จากห้องพักจะอยู่ที่ประมาณ 52-55% แต่จากปีนี้เป็นต้นไป ทางโรงแรม จะปรับสัดส่วนรายได้จากร้านอาหารให้เพิ่มเป็น 50% ของรายได้รวมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 500 ล้านบาท และปรับเพิ่มลูกค้าคนไทย ที่เข้ามาใช้บริการร้านอาหารของโรงแรมเป็น 20-30% จากปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่ 90% เป็นชาวต่างชาติ ตรงนี้ถือเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง
จัดโปรโมชั่นดึงลูกค้าโลว์ซีซั่น
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า เปิดเผยว่า ในช่วงโลว์ซัซั่นของทุกปี ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว ส่วนใหญ่ จะใช้วิธีจับมือกับโรงแรม จัดโปรโมชั่นแถมแทนการลดราคา เช่น ซึ้อห้องพัก 7 คืน แถม 3 คืน หรือ ซึ่งห้องพัก 5 คืน ฟรี 2 คืน เป็นต้น เพราะการลดราคาจะเป็นการทำลายโครงสร้างราคาตลาด ส่วน สถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทย เมื่อการเมืองชัดเจน มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอน จะส่งผลต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น ดังนั้นคาดว่าปีหน้าท่องเที่ยวจะสดใสกว่าปีนี้ ส่วนผู้ประกอบการที่มีตลาดหลักย่านเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่ปีนี้ปรับตัวลดลงมากนั้น คงต้องใช้ระบบบริหารจัดการภายในองค์กรเข้ามาช่วย เพื่อลดค่าใช้จ่าย และ ใช้เวลานี้ ฝึกฝนอบรมบุคคลากร ให้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในปลายปีนี้และปีหน้า
|
|
 |
|
|