|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไอเอ็นจี ประกันชีวิต ยืนยันฐานะการเงินแข็งแกร่งเพียงพอต่อการจ่ายค่าสินไหม โดยบริษัทแม่พร้อมเติมเม็ดเงินตลอดเวลาหลังมีกระแสโจมตีเรื่องขาดทุน วอนโรงพยาบาลคิดค่าเคลมเป็นธรรมพร้อมจัดเครดิตบริษัทประกันเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ส่วนการหาพันธมิตรเสริมทัพยังไม่สรุป
นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ CAO บริษัท ไอเอ็นจี ประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวโจมตีเกี่ยวกับการขาดทุนของบริษัทว่า การโจมตีดังกล่าวถือว่าไม่เป็นธรรมกับบริษัทเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งบริษัท ไอเอ็นจี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่นั้นพร้อมจะเพิ่มเม็ดเงินในการลงทุนอยู่ตลอดเวลา
โดยผลการขาดทุนที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องปกติของการดำเนินธุรกิจประกันที่มียอดเบี้ยประกันรับปีแรกสูงกว่ายอดเบี้ยประกันต่ออายุ ซึ่งหากบริษัทต้องการจะให้มีผลกำไรก็สามารถทำได้โดยลดอัตราการเติบโตของยอดเบี้ยประกันรับปีแรกลงได้ แต่บริษัทยังคงเดินหน้าให้ยอดเบี้ยประกันรับปีแรกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไม่มีสัญญาณจากบริษัทแม่ให้ทำการชะลอการขาย มีแต่ให้เติบโตขึ้นอีก
ทั้งนี้ ในอนาคตจะดำเนินการล้างขาดทุนสะสมด้วยวิธีที่โปร่งใส ชัดเจน และไม่มีการตกแต่งบัญชีอย่างที่บางบริษัทที่ไม่พร้อมจะเพิ่มทุน จึงได้นำเอายอดประกันภัยต่อซึ่งจะทำให้เกิดกำไรในอนาคตไปขายให้บริษัทไฟแนนซ์เชียล รีอินชัวร์รันส์ แล้วนำมาบันทึกเป็นรายได้ก่อน ซึ่งจะช่วยให้ตัวเลขขาดทุนลดลงเป็นจำนวนมาก
"ถ้าขายน้อยแล้วมีกำไรมันก็ทำได้ แต่ไม่ใช่นโยบายของเรา และเราไม่เคยคิดที่จะเอาของบางอย่างไปขายเพื่อให้ตัวเลขขาดทุนดูสวยขึ้น สำหรับสาเหตุที่คู่แข่งมาโจมตีเรื่องการขาดทุนของบริษัทนั้น ก็เพราะว่าเห็นเราเป็นบริษัทที่รุ่งที่สุด เลยต้องการจะเตะตัดขา แต่เราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตั้งแต่ที่เปิดดำเนินการมา 8-9 ปีนั้น เราอยู่กับการแข่งขันและถูกต้องทำลายมาโดยตลอดแต่เราก็สามารถผ่านมาได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ดูได้จากบริษัทเราไม่เคยเปลี่ยนซีอีโอหรือผู้บริหารระดับอื่นเหมือนบางบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา"นายสมโพชน์กล่าว
นายสมโพชน์ กล่าวว่า ในปัจจุบันค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการที่โรงพยาบาลคิดค่ารักษาพยาบาลไม่เป็นธรรม โดยขณะนี้ต้นทุนของค่ารักษาพยาบาล (เคลม) อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 70% ทำให้เบี้ยประกันสุขภาพมีกำไรเพียงเล็กน้อย เป็นผลให้ต้องมีการเพิ่มค่าเบี้ยประกัน ซึ่งผลกระทบสุดท้ายจริงตกอยู่ที่ลูกค้า ดังนั้นจึงอยากขอให้โรงพยาบาลต่าง ๆ สำนึกถึงจรรยาบรรณ ไม่มุ่งเน้นเพียงทำรายได้ให้ได้ตามเป้าหมายเท่านั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยที่ผ่านมาได้มีบริษัทประกัน 5 แห่ง ได้ประสานงานกันเกี่ยวกับการขึ้นบัญชีดำ (แบล็คลิสต์) โรงพยาบาลที่คิดค่ารักษาไม่เป็นธรรม แต่ในแง่ธุรกิจแล้วบริษัทประกันถือเป็นลูกค้าประจำจึงควรคิดราคาที่เป็นธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ดังนั้นโรงพยาบาลจึงควรที่จะทำการจัดอันดับเครดิตบริษัทประกันที่มีประวัติดี จ่ายเงินตรงเวลา ไม่มีปัญหา ว่าบริษัทใดมีเรทติ้งที่เท่าไหร่ เพื่อให้ค่ารักษาพยาบาลในอัตราหรือส่วนลดพิเศษ
"โรงพยาบาลที่ตั้งเป้ารายได้และมุ่งแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ถึงเป้านั้น อยากถามว่าจรรยาบรรณอยู่ตรงไหน มันดูไม่มีมาตรฐานมุ่งเม็ดเงินมากเกินไป ขอให้โรงพยาบาลทบทวนและให้ความเป็นธรรมด้วย เพราะเราเป็นลูกค้าประจำ ขณะที่บัตรเครดิตบางแห่งมีผู้ถือบัตรมาใช้บริการกับให้ส่วนลดได้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้เป็นประจำ แต่บริษัทประกันใช้มากกว่าแล้วทำไมไม่มีส่วนลด ซึ่งไม่แฟร์ดังนั้นบริษัทประกันทั้งระบบควรทำการต่อรองบ้าง ไม่ใช่แค่จับมือกันเป็นรายบริษัท "
นายจิม บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจี ประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า ตามแผนงานเดิมนั้นตั้งเป้าหมายไว้ว่าบริษัทจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในปี ค.ศ.2010 แต่จากยอดเบี้ยประกันปีแรกที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากนั้น ทำให้คาดว่าบริษัทน่าจะถึงจุดคุ้มทุนล่าช้าออกไปเป็นปี ค.ศ.2011 แทน และถึงแม้ขณะนี้บริษัทจะมีขาดทุนสะสมก็ตาม แต่หากมองไปยังบางบริษัทที่เปิดดำเนินงานมาก่อนก็ยังมีผลขาดทุนอยู่อีกเยอะ อย่างไรก็ตามบริษัทยืนยันว่าฐานะการเงินในขณะนี้ยังคงมีความแข็งแกร่งมาก และสามารถจะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน เพราะได้มีการตั้งสำรองไว้อย่างเพียงพอแล้ว
ทั้งนี้ ยอมรับว่าบริษัทได้สนใจจะหาพันธมิตรเพื่อมาเสริมธุรกิจเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะพูดเรื่องดังกล่าว และยอมรับว่าในขณะนี้ทางไอเอ็นจี มีความสนใจธุรกิจรีเทลมากขึ้น และได้ทำการพูดคุยในหลายประเทศ และรอสรุปอยู่ว่าจะเข้าไปในประเทศใดก่อน ก็ต้องขึ้นอยู่กับบริษัทแม่ โดยแนวคิดในขณะนี้มีอยู่ 2 แนวคิดที่จะจับมือกับธนาคาร คือ ถ้าต้องการทำธุรกิจรายย่อย ก็ต้องเลือกธนาคารที่มีทีมงานที่ดี แต่หากต้องการจะขายประกันก็ต้องเลือกธนาคารที่มีฐานลูกค้าที่ใหญ่
|
|
|
|
|