|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ดังกิ้น โดนัท รุกตลาดหนักเบนเข็มดึงกาแฟ เข้าทำตลาดรับการขยายตัว ผสมผสานกับการดึงทุกกลวิธีใหม่สุดตัว ใช้ดีลิเวอรี่ แซนวิช เจาะฐานลูกค้าระดับกลาง ประกาศชัดปีหน้าลงลึกเจาะตลาดทุกทาง หวังปลุกกระแสสร้างรอยัลตี้ลูกค้า ดึงแชร์กลับ
นายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้น โดนัท (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบกิจการร้าน ดังกิ้น โดนัท ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะรุกธุรกิจกาแฟมากขึ้น ภายหลังจากที่บริษัทฯได้ทดลองนำกาแฟเข้ามาร่วมขายในร้านดังกิ้นโดนัทขนาดใหญ่มากกว่า 10 สาขา เมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งสาขาที่เปิดบริการไปแล้วได้รับผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในเกณฑ์ที่ดีมาก เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ในสาขาปกติที่มีอยู่ทั้งหมด 150 สาขาทั่วประเทศ ต่อนี้ไปจะรุกขยายและปรับพื้นที่ขายกาแฟเพื่อให้มีความเหมาะสมและลงตัวที่สุดในแต่ละทำเล
ทั้งนี้สาเหตุที่เลือกเจาะตลาดกาแฟเพิ่ม เนื่องจากได้เห็นการเติบโตที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบันมีการขยายตัวมากขึ้น ผสมผสานกับพฤติกรรมกลุ่มลูกค้านิยมดื่มกาแฟ จนกลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ไปแล้ว การนำกาแฟเข้ามาขายในร้านบริษัทฯจะเลือกเจาะตลาดระดับกลางเป็นหลัก เพื่อง่ายต่อการรับรู้และเป็นตลาดที่ใหญ่น่าสนใจระดับราคาอยู่ที่ 45- 55 บาทต่อแก้ว และเลือกวัตถุดิบในประเทศมาทำ ทั้งนี้มองว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายและเป็นวัตถุดิบหาซื้อง่ายราคาไม่แพงจนกินไป
ที่ผ่านมาแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจกาแฟขายรวมกับโดนัทเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก สำหรับสาขาดังกิ้นในต่างประเทศ สัดส่วนการขายมีมากกว่า 90% เป็นกาแฟ และอีก10% จะเป็นโดนัท ซึ่งจะเห็นว่าเป็นตัวเลขที่ส่วนทางกลับยอดขายในประเทศไทย 80% เป็นโดนัท และอื่นๆ 20% การที่บริษัทฯได้มีการปรับเปลี่ยนกลวิธีจากต่างประเทศเข้ามาใช้ได้เห็นความพร้อมและโอกาสในการทำตลาด และเชื่อว่าการนำสินค้าใหม่เข้ามาเสริมตลาดจะสามารถสร้างความหลากหลายให้กับกลุ่มลูกค้าเพิ่มได้
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังเตรียมยกเครื่องทำตลาดครั้งใหญ่อีกครั้งในปี 2551 ทั้งการปรับสาขาและการรีโนเวตร้าน ไปพร้อมกับการมุ่งเน้นการทำตลาด ลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่อกลุ่มลูกค้า ตรงจุดนี้มองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากหลังจากที่ได้เริ่มปรับสาขามาบ้างแล้วเมื่อช่วงปี 2549 ซึ่งต่อนี้ไปคาดว่าสาขาต้นแบบ อย่างสาขาสยามสแควร์จะสมบูรณ์โดยจะเปิดให้บริการลูกค้าได้ช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2550
นอกจากการปรับตัวสอดรับกับการแข่งขันในตลาดแล้ว บริษัทฯจะเบนเข็มเน้นทำตลาดอาหารเช้าด้วยเช่นเดียวกัน เบื้องต้นจะเพิ่มส่วนแซนวิช Paniniในร้านดังกิ้นมี 5-6 รายการ ระดับราคา 65 บาทเพิ่มขึ้นอีก หลังจากได้ทดลองทำตลาดที่สาขาสุขาภิบาล 1 มา 6 เดือนการขยายตัวตลาดกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น ช่องว่างในตลาดกลุ่มนี้โอกาสขยายตัวมีอีกสูง เพราะพฤติกรรมลูกค้าเร่งรีบมากขึ้น ทั้งนี้นอกจากการเพิ่มการขายสินค้าดังกล่าวขึ้นอีก บริษัทยังมีแผนเปิดบริการ ดีลิเวอรี่ ให้กับกลุ่มลูกค้าเพิ่มอีกด้วย โดยคาดว่าแผนดังกล่าวจะเริ่มเปิดช่วงเดือนตุลาคม2550เช่นเดียวกัน
“ก่อนหน้านี้ ทุกคนมองว่าแบรนด์ดังกิ้นเงียบหายไป ไม่มีการทำตลาดหรือลงสื่อโฆษณาอะไรมากนัก เนื่องจากเราอยากให้เงียบเองเพราะต้องการบูมตลาดครั้งเดียวเลย ความเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏเมื่อผู้ถือหุ้นต่างชาติ (ไม่สามารถเปิดเผยได้)ได้เข้ามาพัฒนาและเข้ามามีส่วนรวมในการตัดสินใจและปรับภาพรวมทั้งปรับการทำตลาดมากยิ่งขึ้น ช่วงปี 2548 ยอดขายดีขึ้นมากถึง 50% แต่เมื่อช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไม่มีความแน่นอนกลับมาทำให้ยอดขายดังกิ้นในปี 2549 หล่นลงไปเล็กน้อย 30% ดังนั้นบริษัทฯมองว่าจะต้องปรับตัวและกลยุทธ์ใหม่เพื่อดึงส่วนแบ่งตลาดโดนัทกลับคืนมาให้ได้
|
|
|
|
|