Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 สิงหาคม 2550
โตโยต้าฟันธงตลาดรถวูบ4.7%             
 


   
www resources

Toyota (Thailand) Homepage

   
search resources

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย, บจก.
Automotive




นายมิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการตลาดใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการซื้อรถออกไป ทำให้สถานการณ์ตลาดรถยนต์ไทย ในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงกว่า 12% แต่หากพิจารณาดูแนวโน้มถือว่าเริ่มดีขึ้น จากไตรมาสแรกลดลงกว่า 18% และมาช่วงไตรมาสสองลดลงเพียง 6.4% ส่งผลให้ตลาดรถรวมครึ่งปีแรกตกลง 12%

"จากสัญญาณที่ดีขึ้นโดยเฉพาะปัญหาการเมือง ทำให้ยอดขายในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ไทยกลับมีอัตราการเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ส่งผลให้ตลาดรถรวมม.ค.-ก.ค.ปีนี้ ลดลงเพียง 10.8% และคาดว่าแนวโน้มเริ่มเป็นบวกชัดเจนในช่วงไตรมาสสาม หรือหากมีการเลือกตั้งปลายปี ดังนั้น คาดว่าตลาดรถยนต์ไทยโดยรวมปีนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6.5 แสนคัน ลดลงจากปีที่แล้ว 4.7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการประเมินไว้เมื่อต้นปี 6.7-6.8 แสนคัน"

ในส่วนปริมาณยอดขายโตโยต้า 7 เดือนแรกของปีนี้ ทำได้กว่า 1.51 แสนคัน เทียบกับปีที่แล้วช่วงเดียวกัน ลดลงน้อยกว่าภาพรวมตลาดที่ 5.4% โดยสามารถครองอันดับหนึ่งในทุกตลาด แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง หรือเก๋งมากกว่า 5.1 หมื่นคัน รถเพื่อการพาณิชย์(รวมปิกอัพ 1 ตัน)กว่า 9.9 หมื่นคัน และเฉพาะปิกอัพ 1 ตัน(ไม่รวมปิกอัพดัดแปลง) จำนวนกว่า 8.2 หมื่นคัน

นายโซโนดะกล่าวว่า เป็นตัวเลขที่น่าพอใจแม้ยอดขายโตโยต้าจะลดลง เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยโดยรวมที่ลดลงมากกว่าเท่าตัว ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการทุ่มเทในทุกๆ ส่วนของโตโยต้า การบริการครบวงจร และการตอบรับเป็นอย่างดีต่อผลิตภัณฑ์ของโตโยต้าจากลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า คัมรี่ ใหม่, ไฮลักซ์ วีโก้ และวีออสใหม่

โดยในช่วงครึ่งปีหลังโตโยต้ายังจะมุ่งเข้าถึงลูกค้าต่อเนื่อง ซึ่งเร็วๆ นี้จะจัดงาน Hilux VIGO Happy Day Special ระหว่างวันที่ 24-26 สิงหาคมนี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และภายในงานลูกค้าจะได้ชมคอนเสิร์ตจากศิลปินคาราบาวทุกวัน พร้อมได้ใกล้ชิดกับดารามากมาย แถมยังลุ้นรับชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินมูลค่ารวมกว่า 1.8 ล้านบาท และลุ้นรับทองคำมูลค่ารวมกว่า 1.8 แสนบาท

"แม้เราจะค่อนข้างพอใจยอดขายในประเทศ โดยตั้งเป้ายอดขายถึงสิ้นปีไว้ที่ 2.8 แสนคัน ลดลง 3.2% แบ่งเป็นเก๋ง 9.2 แสนคัน และรถเพื่อการพาณิชย์ 1.87 แสนคัน แต่ตลาดส่งออกเมื่อเทียบกับภาพรวมที่เติบโตขึ้น ในส่วนของโตโยต้ากลับมียอดส่งออกลดลง รถยนต์สำเร็จรูปส่งออกลดลง 1% หรือทำได้กว่า 1.14 แสนคัน คิดเป็นมูลค่า 4.7 หมื่นคัน ลดลง 7% ขณะที่ชิ้นส่วนอะไหล่ส่งออก 2.24 หมื่นล้านบาท รวมส่งออกมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วอัตราการเติบโตคงที่ แต่มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะผลักดันให้เติบโตถึง 10%"

ทั้งนี้โตโยต้าได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไว้ที่ 2.29 แสนคัน คิดเป็นมูลค่า 9.33 หมื่นล้านบาท และชิ้นส่วนอะไหล่มูลค่า 3.84 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้นกว่า 1.31 แสนล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 10% ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เพราะอัตราที่เหมาะสม และทำให้โตโยต้าอยู่รอดได้ควรจะอยู่ที่ 37 บาทก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ถึงช่วงครึ่งปีแรกยอดส่งออกโตโยต้าจะลดลง แต่ค่าเงินบาทยังไม่ใช่ปัญหาหลัก สาเหตุมาจากการแบ่งโควต้าส่งออกระหว่างฐานการผลิตของโตโยต้าทั่วโลก แต่โตโยต้าประเทศไทยในฐานะเป็นศูนย์กลางผลิตเพื่อส่งออกทั่วโลก โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จึงได้เพิ่มสัดส่วนส่งออกให้กับไทย และยังได้มีการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่มประเทศอเมริกาใต้ ลาตินอเมริกา และอเมริกากลาง ทำให้ตัวเลขส่งออกปีนี้จะเติบโตอย่างแน่นอน

สำหรับการที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติลดภาษีสรรพสามิต ให้แก่รถยนต์ที่ใช้พลังงานแก๊สโซฮอล์ E20 ลงจากอัตราภาษีปัจจุบันอีก 5% โดยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2551 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 1 ปี ทำให้โตโยต้าคงต้องศึกษาและพิจารณาใหม่ จากที่วางแผนจะแนะนำสู่ตลาดในปี 2552 ส่วนการผลิตอีโคคาร์ยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ เพราะช่วงระยะเวลาที่เหลือ 4 เดือน ตามกำหนดส่งแผนงานให้กับรัฐบาล โตโยต้าต้องเร่งศึกษาให้ครอบคลุมตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่ยืนยันโตโยต้าพร้อมสนับสนุนรถยนต์ประหยัดพลังงาน ซึ่งไม่เพียงอีโคคาร์แต่หมายถึงรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us