|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้(14 ส.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน สวนทางดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังนักลงทุนเริ่มคลายกังวลต่อปัญหาซับไพร์มที่เกิดขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยนักลงทุนต่างชาติยังพร้อมใจขายหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงปิดที่ 793.82 จุด ลดลง 11.02 จุด หรือ 1.37% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 803.02 จุดและจุดต่ำสุดอยู่ที่ 791.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย 15,689.41 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,983.29 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,157.19 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,826.10 ล้านบาท โดยแค่ 9 วันทำการตั้งแต่ 1 ส.ค.-14 ส.ค.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิแล้วถึง 2.3 หมื่นล้านบาท
นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ไว้ที่ระดับ 905 จุด ขณะที่ P/E ตลาดหุ้นอยู่ที่ระดับ 12 เท่า ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโต 10% แม้ว่าระยะสั้นดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลง แต่ในระยะกลาง-ยาวยังมีมุมมองดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากราคาหุ้นไทยถือว่ายังถูกจากที่ปัจจุบันเฉลี่ย P/E ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 11.4 เท่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่อยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงนี้โอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะปรับพอร์ตการลงทุนนั้นยังคงมีสูง แต่ภายหลังจากที่สถานการณ์ต่างๆเป็นไปตามคาดการณ์และเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะทยอยกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
“ภายหลังจากที่มีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ใกล้จะถึงนี้ มั่นใจว่านักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับมาทยอยซื้อสุทธิ หากปัจจัยดังกล่าวเป็นไปตามคาดการณ์ไว้และมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งดัชนีตลาดจะค่อยๆเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงทันทีตามที่ก่อนหน้านี้มีการหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ว่าจะถึง 1,000 จุด”นายเอกพิทยากล่าว
แนะเก็บหุ้นใหญ่
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตการลงทุนภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ทยอยซื้อมานานพอสมควรแล้ว โดยส่วนใหญ่จะทยอยขายในหุ้นขนาดใหญ่เช่นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะขายทำกำไรต่อเนื่องอีกหลายสัปดาห์นับต่อจากนี้ จนกว่าปัญหาเรื่องสินเชื่อด้อยคุณภาพ(ซับไพรม์)ในสหรัฐฯจะมีความคลี่คลายในทิศทางที่ดีมากขึ้น
ทั้งนี้ นอกเหนือจากปัญหาเรื่องซับไพรม์เชื่อว่า นักลงทุนบางส่วนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการแก้ไขคำนิยามเกี่ยวกับพ.ร.บ.ต่างด้าว เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในแนวทางของการแก้ไขและกฏหมายต่างๆ ขณะที่ปัจจัยเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 สิงหาคม 50 นี้ มองว่าไม่ว่าผลจะออกมาว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้นคงไม่มีนัยสำคัญมากนัก เพราะว่า นโยบายภาครัฐฯยังคงเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งได้
อย่างไรก็ตาม หลังดัชนีปรับตัวตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 800 จุด แนะนำให้นักลงทุนระยะยาวทยอยซื้อสะสมในหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดี โดยประเมินแนวรับที่ 775 จุด และแนวต้านที่ 805-810 จุด
“ ตนมองว่าช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 800 จุด เป็นช่วงจังหวะที่นักลงทุนระยะยาวจะเข้าทยอยซื้อสะสม ขณะเดียวกันเราเชื่อว่าปัจจุบันนักลงทุนภายในประเทศคงไม่กลัวปัจจัยเกี่ยวกับซับไพรม์แล้ว เพราะว่าปัญหาดังกล่าวน่าจะสะท้อนกับจิตวิทยาการลงทุนพอสมควร”นายวิวัฒน์กล่าว
“ประเสริฐ”ลุ้นต่อเอ็มดีปตท.อีกสมัย
รายงานข่าวจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า วานนี้ ( 14 ส.ค.) ถือเป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับสมัครตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หลังจากนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่หมดวาระลงไปเมื่อ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีคนที่สมัครเพียงคนเดียว คือนายประเสริฐเอง
ดังนั้น หลังจากนี้ นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี ปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาจะเรียกนายประเสริฐมาแสดงวิสัยทัศน์ คาดว่าจะเสนอผลการสรรหาเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการปตท.ภายในเดือนส.ค.นี้
แหล่งข่าวจากปตท. กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูง ที่นายประเสริฐจะได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ปตท.อีกสมัย โดยขณะนี้นายประเสริฐมีอายุ 56 ปี เหลืออยู่อีก 4 ปีเท่ากับวาระที่ที่จะดำรงตำแหน่ง และที่ผ่านมาถือว่าผลงานการทำงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ปตท.ของนายประเสริฐ อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
|
|
 |
|
|