นายวิกรม ศรีประทักษ์ กรรมการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์- เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC กล่าวถึงผลการดำเนินงานรวมของบริษัทงวดไตรมาส 2/50 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,663.42 ล้านบาท หรือ 1.24 บาทต่อหุ้น ลดลง 462.37 ล้านบาท หรือ 11.20% จากงวดเดียวกันในปีที่ผ่านซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 4,125.71 ล้านบาท หรือ 2.59 บาทต่อหุ้น ขณะที่ในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,250.77 ล้านบาท ลดลง 2,320.76 ล้านบาท หรือ 41.7% จากงวดเดียวกันในปีที่ผ่านซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 5,571.53 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่กำไรลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 46.8% เป็น 3,108 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปีที่ผ่านซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,117 ล้านบาทเพราะค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 54.4% จาก 599 ล้านบาทมาเป็น 925 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด เป็นจำนวน 2,017 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้ไม่ได้รับเงินปันผลใดๆ ประกอบกับบริษัทมีค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็น 437 ล้านบาทจากจำนวนเพียง 31 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการทำตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการระบบโพสต์เพด และ นโยบายการตั้งสำรองที่รัดกุม ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นคุณภาพของลูกหนี้ยังอยู่ในระดับดี
ในส่วนของต้นทุนจากการให้บริการเพิ่มขึ้น 10.3% และต้นทุนผลประโยชน์ตอบแทนรายปีเพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงขึ้นตามสัดส่วนของรายได้จากการให้บริการที่สูงขึ้น 10.9% เป็น 18,887 ล้านบาท ขณะที่ดอกเบี้ยจ่าย เพิ่มเป็น 500 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/50 จาก 382 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/49 เนื่องจากบริษัทมียอดกู้ยืมสุทธิเพิ่มเป็น 31,309 ล้านบาท จาก 22,956 ล้านบาท โดยเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นได้นำไปใช้ในการลงทุนขยายโครงข่าย
สำหรับเรื่องการจ่ายเงินปันผล นายวิกรมกล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 6 เดือน ในอัตราหุ้นละ 3 บาท รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้นประมาณ 8,871.47 ล้านบาท โดยบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีตามงบการเงินรวม ขณะที่กำไรสุทธิในงบการเงินรวมงวด 6 เดือนปี 50 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,647.21 ล้านบาท หรือ 2.59 บาทต่อหุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9,415.38 ล้านบาท หรือ 3.19 บาทต่อหุ้น
อนึ่ง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส มีบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จำนวน 1,263,712,000 หุ้น หรือ 42.76% ทำให้บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น จะได้รับเงินปันผลงวด 6 เดือนปี 50 รวม 3,791,136,000 ล้านบาท ในขณะที่บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่นมีบริษัทในเครือกลุ่มทุนเทมาเส็กจากสิงคโปร์ถือหุ้นโดยบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นจำนวน 1,742,407,239 หุ้น หรือ 54.51% และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นจำนวน 1,334,354,825 หุ้น หรือ 41.75% รวม 96.26%
"เทมาเส็ก"รับ3.2พันล.
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง กล่าวว่า การกำหนดจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีของ ADVANC ในอัตรา 3 บาทต่อหุ้น เป็นสิ่งที่บริษัทสามารถทำได้ แม้ว่าจำนวนเงินที่จ่ายปันผลจะเกินกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของบริษัท เพราะตามปกติแล้วการจ่ายเงินปันผลจะมีกฎเกณฑ์ เพียงแต่ต้องไม่เกินกำไรสะสมของบริษัทนั้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำไรสะสมอยู่ประมาณ 55,000 ล้านบาท แต่กำไรสะสมดังกล่าวไม่ได้อยู่ในรูปของเงินสดทั้งหมด
" ขณะนี้บริษัทมีเงินสดทั้งสิ้นประมาณ 8,900 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการจ่ายเงินปันผล มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทได้" นักวิเคราะห์กล่าวถึงความเสี่ยงในอนาคต ทั้งนี้ คาดว่าการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้นั้น คงจะมีทยอยจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 ของปีนี้ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ทางบริษัทจะมีการรีไฟแนนท์หุ้นกู้จำนวน 7,000 ล้านบาท ซึ่งการรีไฟแนนท์ดังกล่าวอาจะช่วยทำให้กระแสเงินสดของบริษัทไม่เกิดการตึงตัวมากเกินไปนัก
"การจ่ายเงินปันผลเกินผลกำไรที่มีอยู่นั้น เป็นสิทธิของบริษัทที่จะสามารถทำได้ แต่การที่ตัดสินใจทำเช่นนั้น อาจจะส่งผลทำให้เงินสดในมือตึงมือมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันบริษัทจะมีกำไรสะสมอยู่ในสัดส่วนมหาศาล แต่กำไรดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินทั้งหมด แต่กระจายอยู่ในรูปของอาคาร สถานที่ต่างๆด้วย "
ทั้งนี้ กระแสข่าวเรื่องการจ่ายเงินปันผลครั้งนี้อาจจะเกิดมาจากการต้องการถอนทุนของบริษัทเทมาเส็ก หลังจากที่ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทประสบผลขาดทุนนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า มีความเป็นไปได้แต่การที่บริษัทเทมาเส็กจะดึงผลกำไรจากการลงทุนกลับไปนั้น คงจะไม่สามารถทำได้เกินกระแสเงินสดของบริษัทที่มีอยู่ในมือ โดยประเมินว่าการกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของ ADVANC ในอัตรา 3 บาทต่อหุ้น เทมาเส็กจะได้รับเงินดังกล่าวผ่านการจ่ายปันผลของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ADVANC (มีสัดส่วนถือหุ้นทั้งสิ้น 1263.71 ล้านหุ้น หรือ 42.76% ) ในอัตราประมาณ 2.50 -2.60 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าที่ทางเทมาเสกน่าจะได้รับประมาณ 3,200 ล้านบาท
นางสาวมยุรี โชวิกานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าววว่า การกำหนดจ่ายเงินปันผลงวด 6 เดือนของ ADVANC ซึ่งเกินผลกำไรในงวด 6 เดือนของบริษัทนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทแต่อย่างได้ เพราะบริษัทยังมีเงินสดอยู่กว่า 8,000 ล้านบาท และมีกำไรสะสมที่เพียงพอต่อการจ่ายเงินปันผลของบริษัทในครั้งนี้
SATTEL กำไรร่วง 144%
นายธนฑิต เจริญจันทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วนงานการเงินและบัญชี บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทประจำไตรมาส 2/50 บริษัทขาดทุนสุทธิ 83.11 ล้านบาท หรือ ขาดทุนสุทธิ 0.08 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 33.98 ล้านบาท กว่า 49.13 ล้านบาท หรือ 144.58% ส่งผลทำให้งวด 6 เดือนประจำปี 2550 บริษัทมีผลกำไรสุทธิเพียง 51.76 ล้านบาท แม้ว่าในไตรมาส 1 /50 บริษัทจะมีผลกำไรสุทธิกว่า 134 ล้านบาท
ทั้งนี้สาเหตุกำไรในไตรมาส 2/50 ลดลง เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายและภาษีจ่ายของบริษัทที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทมีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 49 เป็นผลมาจากบริษัทเริ่มบันทึกดอกเบี้ยของโครงการดาวเทียมไทยคม 5 เป็นค่าใช้จ่าย ประกอบกับมีภาระภาษีเงินได้ทั้งสิ้น 51 ล้านบาท
SHIN กำไรทรุด25%
ด้านบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่ากำไรงวดไตรมาส 2/50 บริษัทมีกำไร 1,194.69 ล้านบาท หรือ 0.37 บาทต่อหุ้น ลดลง 404.59 ล้านบาท หรือ 25.29% จากงวดเดียวในปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 1,599.28 ล้านบาท หรือ 0.52 บาทต่อหุ้น ขณะที่งวด 6 เดือนในปีนี้บริษัทขาดทุนสุทธิ 524.07 ล้านบาท หรือ 0.16 บาทต่อหุ้น ส่วนงวด 6 เดือนในปี 49 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,824.89 ล้านบาท หรือ 1.26 บาทต่อหุ้น
|