Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 สิงหาคม 2550
"ประชัย"ฟ้อง"บิ๊กหมง"แสนล.ร่วมก๊วนไออาร์พีซีคดีหมิ่นประมาท             
 


   
www resources

โฮมเพจ ทีพีไอโพลีน

   
search resources

ทีพีไอ โพลีน, บมจ.
ประชัย เลี่ยวไพรัตน์




"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" เดินหน้าร้องความเป็นธรรมจากศาลแพ่งอีกระลอก ยื่นฟ้อง"บิ๊กหมง-ก๊วนไออาร์พีซี" เรียกค่าเสียหาย 100,000 ล้านบาท ในข้อหาหมิ่นประมาท เผยศาลแพ่งนัดไต่สวน 5 พ.ย.นี้ ระบุก่อนหน้านี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญา โดยศาลนัดไต่สวนในวันที่ 8 ต.ค. 2550

รายงานข่าวจากศาลแพ่ง แจ้งว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 และพวกรวม 20 คน ในข้อหาละเมิดโดยการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย ซึ่งข้อความฝ่าฝืนต่อความเป็นจริง โดยเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 100,00 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งศาลแพ่งนัดไต่ส่วนคดีในวันที่ 5 พ.ย.2550 นี้

สาระสำคัญของการฟ้องร้องในคดีนี้ระบุว่า โจทก์เป็นนักธุรกิจสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทวิศวกรรมไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ก่อตั้งทีพีไอหรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นไออาร์พีซี ซึ่งโจทก์ได้ดำเนินการและพัฒนากิจการทีพีไอให้เป็นธุรกิจปิโตรเคมีครบวงจร ทั้งยังเป็นผู้เปิดโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก โรงงานแรกของประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์

นอกจากนี้ ยังก่อตั้งบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปูนซีเมนต์ชั้นนำ ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศได้ในสัดส่วนร้อยละ 20 ในช่วงระยะเวลาเพียง 10 ปี และโจทก์เคยเป็นประธานกรรมการบริหารของทีพีไอ โดยได้บริหารจัดการกิจการและทรัพย์สินของทีพีไอให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จนสร้างและพัฒนาทีพีไอให้เจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จเป็นกิจการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย จนเป็นที่รู้จักกันดีของนักธุรกิจและประชาชนทั่วโลก และเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาราช

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.-2 ส.ค. 2550 จำเลยทั้งหมดได้ร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อทำลายชื่อเสียงและเกียรติคุณของโจทก์อย่างร้ายแรง ดังนั้น โจทก์ได้ยื่นฟ้องบริษัท ไออาร์พีซีฯ เป็นจำเลยที่1 และคณะผู้บริหารของไออาร์พีซี ประกอบด้วย พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์ จำเลยที่ 2 นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา จำเลยที่ 3 นายพละ สุขเวช จำเลยที่ 4 นายวีรพงษ์ รางมางกูร จำเลยที่ 5 นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ จำเลยที่ 6 นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ จำเลยที่ 7 นายปิติ ยิ้มประเสริฐ จำเลยที่ 8 นายวิสิฐ ตันติสุนทร จำเลยที่ 9 นายเสงี่ยม สันทัด จำเลยที่ 10 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จำเลยที่ 11 นายพชร ยุติธรรมดำรง จำเลยที่ 12 นายรัตน์ พาณิชย์พันธ์ จำเลยที่ 13 นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร จำเลยที่ 14 พล.อ.วรเดช ภูมิจิตร จำเลยที่ 15 นางจันทิมา สิริแสงทักษิณ จำเลยที่ 16 นายเทียนไชย จงพีร์เพียร จำเลยที่ 17 และนายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ จำเลยที่ 18 ส่วนบริษัท สยามรัฐ จำกัด เป็นจำเลยที่ 19 และนายวิโรจน์ วัฒนธาดากุล บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์สยามรัฐ สัปดาห์วิจารณ์ เป็นจำเลยที่ 20

สำหรับข้อมูลอันเป็นเท็จที่จำเลยทั้งหมดดังกล่าว ได้ร่วมกันเผยแพร่และใส่ร้ายโจทก์อย่างรุนแรงต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง เกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง "จากทีพีไอสู่ไออาร์พีซี(1) เปิดปูม ตั๋วพีเอ็น 8,000 ล้าน "ประชัย-ประทีป" ให้ "ประทีป-ประชัย"กู้ (ตอนที่1) ซึ่งถือว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างร้ายแรง เพราะการพิจารณาปล่อยกู้เงินของทีพีไอ ในฐานะบริษัทมหาชนจำกัดให้กับบริษัท พรชัยวิสาหกิจ จำกัด,บริษัท ทีพีไอ โฮลดิ้ง จำกัดและบริษัท ทีพีไอ อีโออีจี จำกัดนั้น ถือว่าเป็นการปล่อยเงินกู้ตามปรกติทางการค้า ไม่ใช่เป็นการปล่อยกู้ให้กับบริษัทส่วนตัวอย่างที่ถูกกล่าวหา และที่สำคัญได้ผ่านขั้นตอนการอนุมัติของผู้ถือหุ้น มีการตรวจสอบความถูกต้องจากฝ่ายตรวจสอบบัญชี และมีการรายงานให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้รับทราบแล้ว

รวมถึงกรณีจำเลยทั้งหมดได้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริง กรณีสัญญาเช่าตึกทีพีไอ ทาวน์เวอร์ ระยะเวลา 90 ปี ซึ่งมีข้อตกลงต่อสัญญาเช่าทุก ๆ 3 ปี จนกว่าจะครบระยะเวลาการเช่า 90 ปี ในอัตราค่าเช่าที่ต่ำมากเพียง 37.31 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนเท่านั้น ในขณะที่ค่าเช่าอาคารสำนักงานในย่านเดียวกัน จะแพงกว่ามากถึงตารางเมตรละ 400 บาท

จากข้อกล่าวหาต่างๆ ทั้งหมดดังกล่าว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาและยังไม่สิ้นสุดกระบวนการยุติธรรมขั้นสูงสุด แต่จำเลยกับพวกได้นำข้อมูลอันเป็นเท็จมาเผยแพร่ในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงและใส่ร้ายโจทก์ให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง อย่างไรก็ตาม กรณีคดีดังกล่าว โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อจำเลยทั้งหมดในคดีอาญา ที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2550 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลฯนัดไต่สวนคดีในวันที่ 8 ต.ค.2550 นี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us