"ไทยง้วนเมทัล" มั่นใจผ่ากระแสหุ้นผันผวนเทรดวันแรกเหนือจองแน่ เหตุกำหนดราคาให้ส่วนลดถึง 20% เตรียมเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายย่อย-ผู้รับเหมา เนื่องจากกำไรสูงกว่าลูกค้ารายใหญ่ โบรกฯ ระบุจังหวะเข้าเทรดดี ชี้นักลงทุนเริ่มหันเล่นหุ้นขนาดเล็ก

บริษัท ไทยง้วนเมทัล จำกัด (มหาชน) หรือ TYM ที่จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้ (8 ส.ค.) เป็นวันแรก ซึ่งเป็นบริษัทแรกในไตรมาส3/50 และเป็นบริษัทที่ 4 ของปีที่เข้าจดทะเบียนใน SET ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยยังเต็มไปด้วยสารพัดปัจจัยลบที่เข้ามากระทบจนทำให้การเคลื่อนไหวในแต่ละวันยังผันผวนค่อนข้างรุนแรง

นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยง้วนเมทัล เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจว่าหุ้น TYM ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ในวันนี้เป็นวันแรกราคาหุ้นจะสามารถยืนเหนือราคาจองได้อย่างแน่นอน แม้ว่าสภาพการซื้อขายในช่วงนี้จะผันผวนก็ตาม เนื่องจากระดับราคาไอพีโอที่กำหนดไว้ 3 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่ให้ส่วนลดกับผู้ลงทุนมากกว่า 20% โดยมีค่าP/E ประมาณ 9 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่มีค่าP/E อยู่ที่ประมาณ 12 เท่า

ทั้งนี้ แนวโน้มของบริษัทจะขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยจะมุ่งเน้นผู้บริโภคหรือลูกค้ารายย่อยและผู้รับเหมาให้มากขึ้น เนื่องจากมีกำไรสูง ซึ่งบริษัทจะขยายสัดส่วนผู้รับเหมาให้เพิ่มเป็น 25% ขณะที่ลูกค้ารายย่อยสัดส่วนจะลดลงเหลือ 25% จากที่ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้า โดยแบ่งเป็นผู้ค้าส่ง 55% ส่วนผู้บริโภคหรือลูกค้ารายย่อย 35% และผู้รับเหมา 10%

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าหุ้น TYM ที่จะเข้าซื้อขายในวันนี้จะสามารเหนือจองที่ 3 บาทได้ เนื่องจากพิจารณาจากค่ามีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (หรือ P/E) อยู่ที่ประมาณ 9.37 ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่านากลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันค่อนข้างมาก ประกอบกับเป็นช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าแนวโน้มราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

ทั้งนี้ภายหลังจากที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของบมจ.ไทยง้วนเมทัล จะเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้น และน่าจะทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้นในอนาคต

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบีกล่าวว่า บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ดีเนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นทรงตัวอยู่ในระดับ 800 จุด โดยP/E ตลาดหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 11 เท่า ประกอบกับนักลงทุนเริ่มหันกลับมาลงทุนในหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ดังนั้นในช่วงนี้บริษัทที่มีขนาดเล็กเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นที่น่าสนใจจากนักลงทุนเช่นกัน