บลจ.วรรณ คาดกองทุนอิควิตี้อีทีเอฟปีแรกเข้าซื้อขายมีมูลค่า 2-3 พันล้านบาท จากที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งขนาด 5 พันล้านบาท ก่อนจะทะลุเป้าหมายในปีหน้าจนต้องขยายกองทุนเพิ่มขึ้น พร้อมมั่นใจขนาดกองทุนไม่น่าต่ำกว่ากองทุนหุ้นที่ปัจจุบันอยู่ที่มีมูลค่า 1-1.2 หมื่นล้านบาท เหตุกองทุนอีทีเอฟมีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง และค่าธรรมเนียมต่ำ ขณะเดียวกันเตรียมเจรจากแบงก์ชาติยกเว้นเกณฑ์กันสำรองให้กับนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการลงทุน
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปีแรกที่กองทุนอิควิตี้อีทีเอฟ หรือ ThaiDEX SET50 ETF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะสามารถเสนอขายกองทุนได้ 2,000-3,000 ล้านบาท จากที่บลจ.วรรณได้ขออนุมัติจัดตั้งไว้ที่ 5,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2551 จะมีนักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น จนทำให้มูลค่ากองทุนสูงกว่าที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้ง ซึ่งทำให้อาจจะต้องมีการขยายขนาดกองทุนให้มากขึ้น
ทั้งนี้ มองว่ากองทุนอีทีเอฟน่าจะมีขนาดที่เพิ่มขึ้นและจะมีขนาดกองทุนไม่น้อยกว่ากองทุนหุ้นที่มีการซื้อขาย โดยปัจจุบันกองทุนหุ้นมีขนาดรวม 10,000-12,000 ล้านบาท เพราะกองทุนอีทีเอฟนั้นมีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด จากที่มีการอ้างอิงการลงทุนจากหุ้น 50 ตัวแรก เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น การลงทุนในตลาดอนุพันธ์ และมีสภาพคล่องที่สูง และมีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย (คอมมิชชัน) ต่ำกว่าค่าคอมมิชชันหุ้น 60%
"จากการที่สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง) พบว่า มีนักลงทุนไทยสนใจจะเข้าลงทุนในกองทุนอีทีเอฟเป็นจำนวนมากจากที่ผ่านมาได้มีการจัดให้ความรู้แก่นักลงทุนในเรื่องดังกล่าว โดยคาดว่าในช่วงเปิดจองซื้อ วันที่ 21-28 สิงหาคมนี้ จะสามารถขายได้ 2-3 พันล้านบาท ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 9 กันยายนนี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นรวมถึงนักลงทุนทุกกลุ่ม" นายสมจินต์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงแรกที่มีการเปิดการซื้อขายกองทุนอีทีเอฟเชื่อว่าจะมีนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยไทยเข้ามาลงทุน ส่วนการเข้ามาของนักลงทุนต่างประเทศนั้น ยังติดเรื่องมาตรการกันเงินสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังเจรจาขอให้มีการยกเว้นการใช้มาตรการ 30% กับการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ
นายสมจินต์ กล่าวว่า สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทยที่มีความผันผวนในขณะนี้ มองว่าเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะสามารถเข้าลงทุนในกองทุนETF ซึ่งอ้างอิงกับดัชนีSET 50 ได้ ในระดับราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และมีความสมเหตุสมผลพียงพอ ต่างจากช่วงที่ตลาดมีเสถียรภาพ ซึ่งนักลงทุนจะไม่สามารถเข้าซื้อในระดับพีอี หรือราคาเดียวกับในปัจจุบัน โดยจากสถิติการลงทุนในSET50ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2545-2549)พบว่าจะได้รับผลตอบแทนการลงทุน 188.60 ซึ่งสูงที่สุด รองมาการลงทุนในตลาหุ้น(SET) จะได้รับผลตอบแทน169.85% ส่วนการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ (Bond Index)และผลตอบแทนจากเงินฝาก(Fixed1ปี )ผลตอบแทนอยู่ที่ 11.20%
สำหรับกองทุนอีทีเอฟในต่างประเทศนั้นได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยในปี2549มีกองทุนอีทีเอฟทั้งหมดจำนวน 732 กองทุนที่จดทะเบียนทั่วโลกมีมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 573,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งในปี 2549 นั้นมีกองทุนอีทีเอฟที่มีกองทุนเข้าจดทะเบียนใหม่จำนวน 279 กองทุน และมีการวางแผนว่าจะมีกองทุนอีทีเอฟเข้าจดทะเบียนอีกจำนวน 516 กองทุนในปีนี้
|