|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เครือสหพัฒน์ ศรีราชา เปลี่ยนระบบผลิตสินค้าการ์เมนต์ทั่วไป เป็นสินค้าพรีเมียมแบรนด์เนมยกระดับสินค้าหนีประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม จีน ที่ผลิตสินค้าราคาถูก พร้อมยุบโรงงานผลิตรองเท้าที่ไม่ประสบความสำเร็จทางการตลาด และโยกพนักงานเข้าโรงงานที่มีผลดำเนินงานดีกว่าหนีปัญหาการปลดคนงาน ย้ำแม้ปัญหาค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ก็ยังไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้ต้องย้ายฐานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีแรงงานถูกกว่า
นายทนง ศรีจิตร์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒนพิบูล ศรีราชา จังหวัดชลบุรี กล่าวว่าผลกระทบจากภาวะค่าเงินบาทขณะนี้ ทำให้บริษัทต้องปรับรูปแบบและระบบการผลิตใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของโรงงานสิ่งทอ ที่ได้เปลี่ยนรูปแบบการผลิตเป็นสินค้าพรีเมียมภายใต้แบรนด์เนมของตนเอง(สินค้ากลุ่มลูกค้าระดับบน) เพื่อให้ทันกับสถานการณ์การแข่งขัน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่เน้นการผลิตสินค้าราคาถูกซึ่งมีมาตรฐานต่ำกว่า
นอกจากนั้น ยังคิดค้นระบบการผลิตรูปแบบใหม่ เพื่อลดต้นทุนในการผลิตสินค้า รวมทั้งการเปิดตลาดส่งออกใหม่ เช่น กลุ่มยุโรปตะวันออก เพื่อให้สินค้าส่งออกในเครือสหพัฒน์สามารถระบายออกสู่ประเทศใหม่ๆ ได้ ที่สำคัญยังเป็นการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้อยู่รอดและไม่ต้องปิดตัวอย่างเช่นบริษัทอื่นที่ได้รับผลกระทบ
" สภาวะที่เกิดขึ้น บริษัทได้ปรับตัวอยู่ตลอดเพื่อรองรับสถานการณ์ เช่น โรงงานผลิตรองเท้าและโรงงานทำเสื้อผ้า ที่มีหลายโรงงาน บริษัทก็มาพิจารณากันใหม่ว่า โรงงานไหนผลประกอบการไม่ดีก็ยุบ และย้ายพนักงานไปที่โรงงานอื่นๆ ที่อยู่ในเครือและมีผลการดำเนินงานดีกว่า เพื่อให้พนักงานได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด ทำให้เมื่อเกิดปัญหาที่หนักหน่วงเราจึงสามารถประคองตัวอยู่ได้ "
สำหรับปัญหาค่าแรงงานขั้นต่ำ ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นตลอด ตนมองว่าแม้จะเป็นผลดีต่อพนักงาน แต่ก็ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ จนทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ นอกจากนั้นในช่วงที่ผ่านมา ยังมีโรงงานเกิดใหม่จำนวนมาก จนเกิดการแย่งชิงพนักงานและส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต
อย่างไรก็ตาม แม้ปัญหาดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการต่างชาติเบนเข็มไปลงทุนยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่เครือสหพัฒน์ ไม่มีแนวคิดดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาได้ขยายพื้นที่ลงทุนไปยังจังหวัดลำพูน และอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ทางภาคเหนือและตะวันออก อพยพออกนอกพื้นที่ โดยทั้ง 2 พื้นที่ถือเป็นฐานผลิตที่สำคัญที่ได้มีการวางระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยไว้แล้ว
นายทนง ยังกล่าวถึงปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งตัวอย่างต่อเนื่องว่า จะเป็นไปเช่นนี้อีก 5 ปี โดยดูจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้กลับสูงขึ้น ภาวการณ์เช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป ที่ต้องกู้เงินจากธนาคาร ทั้งนี้หากรัฐบาลใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้งสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้เร็ว ด้วยการนำบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจเข้ามาแก้ไข ก็จะสามารถบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่หากไม่มีผู้มาแก้ไขก็เห็นทีผู้ประกอบการจะต้องอยู่แบบตัวใครตัวมัน
"ที่ผ่านมาสินค้าอุปโภคบริโภค ของเครือสหพัฒน์ เป็นดัชนีชี้วัดสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ซึ่งคนมีเงินไม่นิยมซื้อมารับประทานแต่จะเป็นสินค้าของกลุ่มคนในระดับรากหญ้า แต่กลับพบว่าปัจจุบันสินค้าดังกล่าวมีตัวเลขเติบโตเหลือเพียง 2-3% จากที่มีการคาดหมายกันว่าจะต้องเติบโตขึ้น 10 % ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ" นายทนง กล่าว
สินค้าส่งออกขาดทุนแล้ว 3 บาทต่อดอลลาร์
นายทนง ยังกล่าวอีกว่าปัจจุบันสินค้าที่ผลิตในเครือสหพัฒน์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ประมาณ 70 % เป็นสินค้าส่งออก จึงได้รับผลกระทบโดยตรงเหตุเพราะที่ผ่านมาค่าเงินบาทอยู่ที่ 37-38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 34 บาท ทำให้ขณะนี้บริษัท ต้องแบกรับปัญหาขาดทุน 3 บาทต่อดอลลาร์
อนึ่ง เครือสหพัฒน์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2485 โดย ดร. เทียม โชควัฒนา ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศและส่งออกไปสู่คนทั่วโลกกว่า 30,000 ชนิดสินค้า กว่า 1,000 แบรนด์ ครอบคลุมทุกสินค้าโดยผลิตจากโครงการสวนอุตสาหกรรมของ เครือสหพัฒน์ทั้ง 3 แห่งที่กระจายอยู่ในภาคต่างๆ ของประเทศไทย คือสวนอุตสาหกรรม ศรีราชา จ.ชลบุรี สวนอุตสาหกรรม กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และสวนอุตสาหกรรมลำพูน จ.ลำพูน รวมพื้นที่ทั้งหมดถึง 6,000 ไร่ ถือเป็นอาณาจักร การผลิตสินค้าที่ใหญ่ ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย
เครือสหพัฒน์ ผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพครอบคลุม 12 หมวด คือ เครื่องสำอาง เครื่องหนัง สิ่งทอ รองเท้า เครื่องใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า บริการ เครื่องกีฬา การจัดจำหน่ายและขนส่งและเบ็ดเตล็ดจากบริษัทในเครือกว่า 200 บริษัท
|
|
|
|
|