ในขณะที่ Sam Palmisano CEO ไอบีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ประกาศให้ eBusiness
on demand เป็นยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ไอบีเอ็มหวนคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
จากการที่ให้ลูกค้าใช้ระบบไอทีไม่ต่างไปจากการใช้ไฟฟ้าหรือน้ำประปา โดยลูกค้าจะมีทางเลือกใหม่
สามารถประหยัดต้นทุนในเรื่องไอที และหันมาลงทุนธุรกิจของตนเพียงอย่างเดียวไม่ต้องกังวลกับระบบคอมพิวเตอร์
โดยที่ไอบีเอ็มจะรับหน้าที่เหล่านี้เอง
ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารดีบีเอสไทยทนุ เป็นลูกค้า 2 รายแรกที่ตอบรับข้อเสนอเหล่านี้
จากการใช้บริการ Outsourcing ซึ่งเป็นการบริการโครงสร้างพื้นฐานและปฏิบัติการด้านไอทีให้กับธนาคาร
ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการตามสั่ง eBusiness on demand อีกรูปแบบหนึ่งที่ลูกค้าได้รับความยืดหยุ่น
ลดต้นทุน โดยที่ทั้งสององค์กรสามารถโฟกัสธุรกิจหลักของตัวเอง
แม้ว่า ไอบีเอ็มจะได้ธนาคารทั้งสองเป็นใบเบิกทางขั้นต้น และยังมีอเมริกันเอ็กซ์เพส
และเจพี มอร์แกน แต่เป็นลักษณะของ Global Account แต่ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่า
จะมีลูกค้ารายใดมาใช้บริการเหล่านี้เป็นรายถัดไป ที่อาจต้องใช้เวลา
"บริการ eBusiness on demand ที่เป็น full stream ตั้งแต่ต้นจนจบ ถามว่าบ้านเราพร้อมหรือไม่
ยังไม่มีใครพร้อมเท่าไร เพราะเวลานี้องค์กรอย่างโทรคมนาคม ธนาคาร ยังเลือกพัฒนาไอทีในส่วนที่เป็น
core application ที่ตอบสนองที่เป็นส่วนหลักของธุรกิจ" วิษณุ ชัยวานิชศิริ
Country Manager, Enterprise Systems Group บริษัทไอบีเอ็ม ประเทศไทย ลูกหม้ออีกคนของไอบีเอ็ม
ที่ทำความเข้าใจเรื่อง eBusiness on demand มากที่สุดคนหนึ่ง
ระบบ eBusiness on demand ที่สมบูรณ์แบบตามความหมายของไอบีเอ็ม ก็คือระบบไอทีขององค์กรแห่งนั้น
จะต้องเชื่อมโยงกับระบบไอทีของคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เข้ากับระบบไอทีของบริษัทลูกค้า
และคู่ค้า และหน่วยงานอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของความแตกต่างด้านฮาร์ดแวร์
หรือซอฟต์แวร์มาขวางกั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และอาจต้องเริ่มองค์กรขนาดใหญ่
นอกจากวิษณุ จะเป็น Country Manager ต้องรับผิดชอบทำตลาดเครื่อง server
อุปกรณ์เก็บข้อมูล storage พรินเตอร์ สำหรับลูกค้าองค์กรธุรกิจ ที่ต้องรักษาความสมดุลยอดขาย
กำไร และความพึงพอใจของลูกค้า เขายังมีหน้าที่ในการผลักดันแนวคิด eBusiness
on demand ให้กับลูกค้าองค์กรที่เป็นลูกค้ากลุ่มหลัก
ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีทางเลือกใช้บริการหน่วยประมวลผล ได้เฉพาะเมื่อต้องการ
ในลักษณะเดียวกับการซื้อไฟฟ้าหรือน้ำประปา เป็นรูปแบบของการให้บริการ eBusiness
on demand ในอีกลักษณะหนึ่ง ที่จะตอบสนองในเรื่องของความยืดหยุ่นของการลงทุน
ที่ลูกค้าไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ หรือซอฟต์แวร์ แต่ซื้อเฉพาะกำลังประมวลผลที่ต้องการใช้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
"ไอบีเอ็มเป็นรายเดียวที่มีโครงสร้างพื้นฐานของ business on demand ในขณะที่ของคนอื่นเขาเป็นในแง่ของข้อเสนอทางการเงินมากกว่า"
วิษณุบอก
เมื่อเร็วๆ นี้ไอบีเอ็ม เริ่มปล่อยเครื่อง Server ที่เพิ่มคุณสมบัติรองรับกับ
eBusiness จะบรรจุคุณสมบัติที่ตอบสนอง on demand เทคโนโลยี On/Off Capacity
Upgrade on Demand ที่ให้ลูกค้า "เปิด" หน่วยประมวลผลเมื่อต้องการทำงาน และ
"ปิด"เมื่อไม่ต้องการใช้งาน
บรรจุ Webshere Application Server หรือมิดเดิลแวร์ ซอฟต์แวร์ตัวกลางเชื่อมระบบงาน
หรือ application software ให้ทำงานร่วมกัน ไอบีเอ็มตั้งความหวังว่า คุณสมบัติที่เพิ่มเติมของเครื่อง
server จะตอบสนองการใช้งานลูกค้าในกลุ่มองค์กร ในแง่ของ on demand ได้อย่างดี
"ยุทธศาสตร์ของไอบีเอ็มในปีนี้ ที่จะเน้นชัดมาก คือ การที่เราจะมีสินค้าและบริการ ด้าน eBusiness on demand ออกมา"
ด้วยคุณสมบัติของบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของบริการ Outsourcing
ที่โอนงานระบบไอทีมาให้ไอบีเอ็มมาเป็นผู้ดำเนินการแทน ไม่ต้องลงทุนซื้อระบบไอที
ทำให้ไอบีเอ็มต้องสร้างความเข้าใจกับ business partner ที่เป็นตัวแทนขายที่ไอบีเอ็มยังต้องพึ่งพาทำธุรกิจอยู่มากขึ้นกว่าเดิม
"เราต้องทำความเข้าใจว่า ไอบีเอ็มไม่ได้ไปแย่งธุรกิจเขาทั้งหมด เรายังมีบริการบางอย่างที่ให้
business partner ทำได้ เพราะเราไม่มีคนไปสนับสนุนได้ทั้งหมด" วิษณุบอก
นับจากนี้วิษณุคงต้องพูดและผลักดันเรื่อง eBusiness on demand มากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็น "ส่วนหนึ่ง" ของเครือข่ายไอบีเอ็ม และเป็นยุทธศาสตร์รวมของไอบีเอ็ม
ที่ใช้ขับเคลื่อนธุรกิจครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้ง หลังจากไอบีเอ็มเคยผลักดัน
eBusiness มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว