|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (7 ส.ค.) ตลอดวันดัชนีเคลื่อนไหวอย่างผันผวนสลับกันทั้งในแดนลบและบวก หลังสารพัดปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน โดยดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 814.40 จุด ลดลง 1.47 จุด หรือ 0.18% โดยระหว่างวันจุดสูงสุดอยู่ที่ 823.25 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 805.90 จุด มูลค่าการซื้อขาย16,937.29 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,612.59 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 967.72 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,644.87 ล้านบาท
แหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังปรากฎข่าวเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินเชื่อในสหรัฐอเมริกาจนส่งผลทำให้กองทุนเริ่มมีการทยอยถอนเงินลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก จนมีการคาดการณ์ว่าในรอบนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวลดลงไปเท่าไหร่ โดยที่น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดน่าเป็นการศึกษาของเมอร์ริลลินช์ที่ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวลดลงในแต่ละรอบที่มีปัญหามากสุดประมาณ 15% โดยล่าสุดตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 10-11% ยังมีในส่วนที่อาจจะปรับตัวลดลงได้อีกประมาณ 4% ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นดัชนีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 780 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดเล็กมาก การเคลื่อนไหวในหลายช่วงมักจะไม่สอดคล้องกับกระแสทุนโลก เพราะการไหลเข้าออกของเงินในจำนวนที่ไม่มากกลับส่งผลในทางหนึ่งทางใดต่อตลาดหุ้นไทยได้อย่างชัดเจน ประกอบกับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในหลายครั้งที่มักจะสวนตลาดทุนโลก โดยเมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นขนาดใหญ่ในฝั่งอเมริกาเริ่มคลายกังวลดัชนีเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ตลาดหุ้นไทยดัชนีกลับปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก
"เดี๋ยวนี้มันไม่ค่อยมีเหตุผล การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ของตลาดหุ้นไม่เป็นไปตามพื้นฐานและปัจจัยที่ควรจะเป็น การคาดการณ์ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาถือว่ายากมากเพราะการเคลื่อนไหวเป็นไปตามกระแสทุนที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามพื้นฐานของเศรษฐกิจของประเทศ"แหล่งข่าวผู้บริหารกล่าว
ลุ้นกำไรบจ.Q2หนุน
นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวสวิงในทิศทางบวก-ลบ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยหุ้นขนาดใหญ่ ยังเป็นกลุ่มที่นำตลาดขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาเทรดในหุ้นเก็งกำไร และหุ้นขนาดกลางมากขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงที่เริ่มมีการทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส2/50 ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหากบริษัทใดกำไรสุทธิดีกว่าที่บริษัทหลักทรัพย์คาดการณ์ไว้ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นนั้นๆ
นอกจากนี้ ปัญหาในประเทศไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของการเมือง และค่าเงินบาทที่ตลาดยังผันผวนยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตาม ส่วนปัจจัยนอกประเทศต้องรอการพิจารณาของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ว่าจะมีการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยหรือไม่อย่างไร รวมถึงการแก้ไขปัญหาซับไพรม์ที่ควรจะต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ นักลงทุนคงจะต้องคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศ รวมถึงความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน โดยแนวรับ 800-805 จุด ส่วนแนวต้าน 825-830 จุด พร้อมแนะนักลงทุนที่ต้องการจะเข้าลงทุนในหุ้นก็ให้เลือกเล่นเป็นรายตัว
หุ้นน้ำมันลดราคาน้ำมันร่วง
นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บล.ซิกโก้ กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีวานนี้ค่อนข้างจะมีความผันผวนสูงนั้น เนื่องจากดัชนีปรับตัวลดลงจนถึงระดับที่นักลงทุนรายย่อยสนใจเข้ามาลงทุน แต่สาเหตุการที่ดัชนีปรับตัวลดลงนั้นเนื่องมาจากแรงเทขายออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงค่อนข้างจะรุนแรง
"มีข้อสังเกตว่าการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในช่วงนี้ค่อนข้างจะแรงและเร็วกว่าปกติ ซึ่งอาจจะเป็นแรงขายจากนักลงทุนเฮดจ์ฟันด์ในกลุ่มพลังงานที่มีการขายออกมา เพราะขาดทุนจากปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐอเมริกาก็ได้"
ทั้งนี้ หลังจากนี้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ (ดาวโจนส์)จะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ดัชนีปรับตัวลดลงมาถึงระดับที่น่าสนใจแม้ว่าปัญหาซับไพรม์ รัฐบาลสหรัฐฯจะยังไม่มีการออกมาตรการช่วยเหลือใดๆ แต่เนื่องจากประสบปัญหานั้นเป็นเพียง 15 % ของสินเชื่อทั้งหมดในประเทศจึงไม่น่าจะมีปัญหามาก
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับลดลงต่อเนื่องเป็นผลจากความกังวลเรื่องราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงส่งผลให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานออกมา ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวในทิศทางผันผวน โดยปัจจัยที่ต้องติดตามเป็นเรื่องของการประชุมของเฟด รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศ หลังมีการปล่อยตัวแกนนำม็อบออกมา โดยกรอบการเคลื่อนไหวช่วงนี้ดัชนีมีแนวรับที่ 810 จุด แนวต้านที่ 830 จุด
|
|
 |
|
|