อาร์เอส โอดธุรกิจทีวีครึ่งปีแรกวูบเป้า 10% เร่งเครื่องเดินหน้า หวังดันรายได้ทีวีสู่เป้าที่ 200 ล้านบาท เหตุการณ์แข่งขันทุกวันนี้เดือด คุยรายการมากไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป ปีนี้เหลือทั้งหมด 13 รายการ เปิดใหม่อีก 2 รายการ เอเชียนลุค และแดน-บีม เดอะซีรี่ส์ ต่อยอดรายได้ ลงเวลาดีช่องโมเดิร์ไนนน์ ชี้เทรนด์รายการซีซันนอลโปรแกรมมาแรง
นางมณฑิรา ลิมปนารมณ์ รองกรรมการอำนวยการอาวุโส ธุรกิจสื่อ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจมีเดียในเซ็กเม้นท์ของทีวีของอาร์เอสในช่วงครึ่งปีแรกนี้ยอมรับว่า ผลประกอบการต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 10% จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 80 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีนี้วางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 200 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทอาร์เอสในปีนี้ คาดว่าจะมีประมาณ 3,500 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มธุรกิจคอนเท้นต์ 80% และกลุ่มมีดีย 20% โดยทีวีมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 7% จากกลุ่มมีเดียที่มี 20%
"การทำธุรกิจทีวีทุกวันนี้มันยากขึ้นทุกวัน ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยุคนี้เราไม่จำเป็นที่จะต้องมีจำนวนรายการทีวีมาก แต่ขอให้จำนวนที่มีอยู่นั้นสามารถทำรายได้ได้ดี รายการติดตลาด เรตติ้งดี มีคุณภาพเป็นสิ่งที่ดีกว่า" นางมณฑิรากล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมั่นใจว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสามารถดำเนินธุรกิจเพื่อให้ผลักดันรายได้ไปถึงเป้าหมายทั้งได้อย่างแน่นอน จากกลยุทธ์ต่างๆที่ได้เตรียมเอาไว้ ทั้งในแง่ของการตลาด รูปแบบรายการและรายการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งกลยุทธ์การขายโฆษณาทั้งหมด
ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายการทางทีวีอยู่ทั้งหมด 13 รายการ แบ่งเป็นรายการประเภทวาไรตี้ทอล์ค จำนวน 6 รายการ และรายการประเภททีนวัยรุ่น จำนวน 7 รายการ จากเดิมปีที่แล้วมีรายการมากกว่า 20 รายการ แต่ได้ทยอยเลิกไปด้วยสาเหตุที่ หมดสัญญากับสถานีบ้างหรือรายการไม่ดีจึงยกเลิก
ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดตัวอีก 2 รายการใหม่ในปีนี้ คือ 1.รายการเอเชียนลุค ออกอากาศทางช่องทีไอทีวี วันเสาร์ เวลา 16.00 น. เริ่มเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นรายการประเภทความรู้เกี่ยวกับทวีปเอเชีย ส่วนอีกรายการคือ แดน-บีม เดอะซีรี่ส์ ซึ่งจะออกอากาศเวลา 22.00 น. ช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี ทุกวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดิมของรายการ ดิไอคอน
โดยทั้งสองรายการนี้ รายการแรกลงทุนไม่มาก แต่รายการที่สองคือ แดน-บีมเดอะซีรีส์นี้ลงทุนมากกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนั้นก็จะมีส่วนของพันธมิตรที่เข้ามาร่วมเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนรายการด้วยเช่น รายการ แดน-บีม เดอะซีรี่ส์ จะมีพันธมิตรหลักเช่น มือถือพานาโซนิค และเอไอเอส เป็นต้น
"รูปแบบรายการแดน-บีมฯนี้ เป็นรายการลักษณะท่องเที่ยวเชิงให้ความรู้ ในเนื้อหามีการสอดแทรกสาระและบันเทิงควบคู่กันไป โดยใช้แดน-บีม เป็นพิธีกรนำเรื่อง ถ่ายทอดเรื่องราวในดินแดนที่น่าทึ่งของโลก และเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่คือ แดน-วรเวช ดานุวงศ์ และบีม-กวี ตันจรารักษ์ ได้มาทำรายการรูปแบบนี้ด้วย ซึ่งไปถ่ายทำมาหลายประเทศ เช่น พระราชวังโปตาลาขององค์ดาไลลามะและเอเวอเรสท์ เบสแคมป์ที่ทิเบต, ทะเลทรายซาฮาราในโมร็อคโค, ทะเลสาบติติกากา, หุบเขามาชูปิชูในเปรู และเตรียมที่จะไปถ่ายทำที่ญี่ปุ่นเร็วๆนี้"
รายการแดน-บีมฯนี้ ถือเป็นการต่อยอดและนำเอาศิลปินดังของอาร์เอสมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยนอกจากจะมีราการทีวีแล้วในอนาคตยังวางแผนที่จะทำอัลบั้มรูปของทั้งคู่ในโอกาสที่ไปถ่ายทำรายการทีวีต่างประเทศ ซึ่งจะมีการออกอากาศทั้งหมด 13 ตอน เริ่มตั้งแต่ 31 สิงหาคม - กลางเดือนพฤศจิกายน รวม 13 ตอน
นางมณฑิรากล่าวว่า รายการใหม่นี้ถือเป็นกลยุทธ์ซีซันนอลโปรแกรม มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศโดยเฉพาะในอเมริกาและยุโรป ซึ่งจะมีความยาวช่วงระยะเวลาหนึ่งและเมื่อจบแล้วก็จะมีรายการใหม่มาแทนเช่นกัน ทั้งนี้รูปแบบรายการก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงที่นำเสนอ โดยเวลาที่บริษัทฯได้มาจากช่องโมเดิร์ไนน์นั้น เป็นเวลาของบริษัทฯเอง เมื่อหมดรายการนี้แล้วก็จะนำรายการใหม่มาออกอากาศแทนต่อไป
อย่างไรก็ตาม รายการที่มีอยู่ทั้งหมด บางรายการก็ถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุงรายการใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัยสอดรับกับพฤติกรรมและแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่บริษัทฯก็มีความพร้อมที่สามารถจะรองรับรายการใหม่ๆได้อีก อย่างน้อย 1-2 รายการในเวลานี้ โดยอาร์เอสมีรายการที่ออกอากาศกระจายไปหลายช่อง ทั้ง 3, 5, 7, โมเดิร์ไนน์ ,ทีไอทีวี และช่อง 11 ซึ่งมีทั้งการรับจ้างผลิตละครให้กับช่อง 3 และช่อง 7 ด้วย
นางมณฑิรากล่าวถึงการขายโฆษณาด้วยว่า ที่ผ่านมาอาร์เอสได้ทำการปรับโครงสร้างการขายโฆษณาใหม่หมดแล้ว โดยการขายเป็นแบบ "รวมศูนย์" ทั้งทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีสื่อครบวงจร ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในยุคนี้ด้วยแทนที่แต่ละกลุ่มจะไปเดินขายโฆษณากันเองทำให้เกิดปัญหาควมซ้ำซ้อนด้วย
"ครึ่งปีหลังจากนี้ไปมองว่าบรรยากาศน่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีแนวโน้มว่าการเลิกตั้งจะเกิดได้ในช่วงปลายปีนี้ซึ่งเมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ทุกอย่างก็จะชัดเจนและกลับมาคึกคักเอง" นางมณฑิรากล่าว
|