สตาร์ฯ สวนกระแสอสังหาฯ ซบ หวนกลับรุกทำตลาดไทย ปรับทิศชูสุขภัณฑ์ 4 รุ่นส่งออกรุกตลาดกลาง-บน หลังเน้นส่งออกเป็นหลัก เชื่อมั่นรายได้ปีนี้ยังเติบโต บาทแข็งไม่กระทบ แม้รายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก พร้อมขยายกำลังการผลิตเท่าตัวรองรับตลาดส่งออกโต หลังแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานได้จบ
ก่อนหน้านี้ภาพของ “สตาร์” ในตลาดสุขภัณฑ์ไทยที่ผู้บริโภครับรู้มากว่า 19 ปี คือ สินค้าที่เจาะตลาดระดับกลาง-ล่าง หลายปีที่ผ่านมาสตาร์ค่อนข้างจะเงียบหายไปจากการรับรู้ของตลาด เนื่องจากหันไปให้น้ำหนักกับการส่งออกมากขึ้น และหลังจากประสบความสำเร็จในการรุกตลาดมาแล้วในหลายประเทศ ปีนี้สตาร์ประกาศความพร้อมที่จะรุกตลาดในประเทศอย่างจริงจังอีกครั้ง พร้อมๆ กับเดินหน้าทำตลาดส่งออกต่อไป เป็นการสวนกระแสแม้จะเกิดภาวะค่าเงินบาทแข็งที่กระทบภาคส่งออกอย่างรุนแรง รวมทั้งภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่ยังอยู่ในภาวะซบเซา
สมชัย ว่องอรุณ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “สตาร์” กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ หันไปเน้นการทำตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยเป็นสินค้ารูปแบบใหม่ที่เน้นดีไซน์ เพื่อเจาะตลาดระดับกลาง-บนเป็นหลัก ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดีในแง่ของคุณภาพ โดยเป็นผู้ผลิตไทยที่ได้รับรองมาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์จากหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อเมริกา แคนาดา ทำให้สัดส่วนรายได้ขณะนี้มาจากการส่งออก 70% และการขายในประเทศ 30%
จากการตอบรับสินค้ารุ่นใหม่เป็นอย่างดีในตลาดต่างประเทศ ทำให้สตาร์ตัดสินใจที่จะนำสินค้ารุ่นดังกล่าวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วย โดยปรับเฉพาะระบบภายในตัวสินค้าให้สอดคล้องกับการใช้งานในประเทศไทย ในขณะที่ดีไซน์ภายนอกยังคงเดิม
ทั้งนี้จะเริ่มต้นวางจำหน่าย 4 รุ่น ได้แก่ Curve Suite, Angular Suite, Lofty Suite และ Innocence Suite เป็นการเจาะตลาดระดับกลาง-บนเป็นครั้งแรก ราคาขายเริ่มต้น 8,000-11,000 บาทต่อชุด ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน และต่ำกว่าราคาขายในต่างประเทศ เพื่อจูงใจกลุ่มเป้าหมาย โดยมีคุณภาพที่ไม่แตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน และจะมีการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องในอนาคต
บริษัทฯ ตั้งเป้าจะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์จาก 7% เป็น 9% ให้ได้ภายในปีหน้า โดยจะเน้นตลาดรีโนเวทที่ยังมีโอกาสขยายตัวได้ในช่วงนี้ มากกว่าตลาดลูกค้าโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ คาดว่าปีนี้ตลาดสุขภัณฑ์จะมีการเติบโตไม่เกิน 4% จากเดิม 10% ต่อปี มีมูลค่าตลาดรวม 3 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็น 1,000 ล้านบาท
สมชัย กล่าวว่า “การหันมาทำตลาดระดับกลาง-บนในไทย ไม่ใช่เพราะบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง แต่เป็นเพราะเรามั่นใจในดีไซน์และคุณภาพที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่เป็นผู้นำตลาดได้ และปีหน้าจะมีการปรับราคาขายขึ้นอีกประมาณ 10% เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุน หลังจากที่ไม่เคยปรับราคาขึ้นติดต่อกันกว่า 10 ปี ในด้านตลาดส่งออกยังไปได้ด้วยดี เนื่องจากอเมริกาไม่ใช่ตลาดหลักของสตาร์ แต่จะกระจายไปในหลายประเทศ จึงไม่ผูกติดกับค่าเงินดอลล่าร์ ทำให้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว อีกทั้งตลาดอเมริกายังนิยมฟังก์ชั่นมากกว่าความสวยงาม ซึ่งไม่ตรงกับสินค้าของสตาร์ ทำให้สินค้าจีนที่มีราคาถูกกว่าได้เปรียบ ในขณะที่ตลาดยุโรปจะชอบสินค้าที่มีดีไซน์ ทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งมากกว่า”
สตาร์ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 300 ล้านบาท เติบโต 40% จากปี 2549 ที่มีรายได้ 210 ล้านบาท โดยมีความพร้อมที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 100% จาก 10,000 ตันต่อปีเป็น 20,000 ตันต่อปีภายในปีหน้า เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดต่างประเทศ ใช้งบลงทุน 80 ล้านบาท แม้ปัจจุบันกำลังการผลิตจะใช้ไปเพียง 70% เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งบริษัทฯ เร่งแก้ไขด้วยการจ้างแรงงานต่างด้าวแทน
|