สถานการณ์ผันผวนต่อเนื่องกระทบกำลังซื้อ ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ แตะเบรคขอรอดูสถานการณ์รอบด้านก่อนลงทุนเพิ่ม เผยปีนี้เปิดตัวแค่ 3 โครงการ หยิบที่ดินนอร์ธปาร์คทำคอนโดหรูแห่งสุดท้ายของปี แผนอนาคต ที.ซี.ซี. แลนด์เตรียมซื้อที่ดินเพิ่ม พัฒนาโรงแรมราคาประหยัดทั่วประเทศ พร้อมรุกตลาดด้วยเชนของตัวเอง
นับตั้งแต่ทายาทของแห่งอาณาจักรไทยเบฟฯ เข้ามาดูแลพอร์ตการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลสิริวัฒนภักดีอย่างเต็มตัว ความคืบหน้าของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก็มีมาให้เห็นเป็นระยะ หลังจากที่ประกาศเนรมิตที่ดินขนาดใหญ่กว่า 300 ไร่บน ถ.เกษตร-นวมินทร์ ให้เป็นเมืองครบวงจรในชื่อ “เสนา มาสเตอร์แพลน” แล้ว ก็เดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์ดีเวลลอปเปอร์ที่มีเครือข่ายแข็งแกร่งในตลาดระดับกลางอย่างยูนิเวนเจอร์ หวังเพื่อให้เป็นแขนขาในการพัฒนาแลนด์แบงก์ที่มีอยู่จำนวนมากอย่างรวดเร็ว
สำหรับปีนี้ ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ เปิดตัวไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ วิลล่า ราชเทวี คอนโดมิเนียม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์บน ถ.พญาไท ติดสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี ปัจจุบันมียอดขายคอนโดมิเนียมแล้ว 65% และวิลล่า สาทร คอนโดมิเนียมจำนวน 660 ยูนิต บน ถ. สาทร-ตากสิน (กรุงธนบุรี) ติดสถานีรถไฟฟ้าเจริญนคร (ส่วนต่อขยายตากสิน-บางหว้า) ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท โดยเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตั้งอยู่ในแนวส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นทำเลที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงของดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ รวมทั้งคาดการณ์ว่าจะมีซัปพลายออกมาจำนวนมาก
วัลลภา ไตรโสรัส กรรมการบริหาร บริษัท ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ จำกัด มั่นใจว่า แม้ทำเลดังกล่าวจะมีการแข่งขันรุนแรง แต่ด้วยทำเลใหม่ที่อยู่ใกล้ซีบีดีมากที่สุด สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย น่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี โดย ขณะนี้มียอดขายแล้ว 60% ราคาขายปรับขึ้นจาก 58,000 บาทต่อ ตร.ม. ในช่วงพรีเซล เป็น 60,000 บาทต่อ ตร.ม.
ปีนี้ ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ มองว่าสถานการณ์ต่างๆ มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ยอดขายชะลอตัวลง แต่คาดว่าต่อจากนี้ไปทุกอย่างจะค่อยๆ ฟื้นตัว ซึ่งบริษัทก็พร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาโครงการเพิ่ม แต่ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่เอื้อต่อการขายและการลงทุน บริษัทฯ จึงปรับตัว ซึ่งจะลงทุนปีนี้เพียง 3 โครงการเท่านั้น จากเดิม 4 โครงการต่อปี คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท
โดยโครงการสุดท้ายของปีนี้ คือ คอนโดมิเนียมหรูบนที่ดิน 4 ไร่ จากทั้งหมด 300 ไร่ของสนามกอล์ฟนอร์ธปาร์ค มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury Collection ในรูปแบบ Condo in The Park จำนวน 130 ยูนิต ซึ่งเป็นยูนิตขนาดใหญ่ เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบน ราคา 80,000 บาทต่อ ตร.ม. ซึ่งแตกต่างจาก 2 โครงการแรกที่เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ชอบใช้ชีวิตในเมือง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Contemporary Collection เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง และ Signature Collection โครงการที่เน้นสไตล์การออกแบบที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์ของตนเอง
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังสนใจที่จะลงทุนคอนโดมิเนียมในทำเล ถ.สุขุมวิท ช่วงแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง โดยในปีนี้คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ 4,000 ล้านบาท มาจากคอนโดมิเนียมเป็นหลัก เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดรับรู้รายได้ 2,000 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าจะมีรายได้ 6,000 ล้านบาท และเตรียมจะลงทุนเพิ่ม แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 4 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณา โดยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัทจะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามอย่างรวดเร็วด้วย
ในด้านของ ที.ซี.ซี แลนด์ ก็มีความคืบหน้าในการนำที่ดินมาพัฒนาเป็นโรงแรม 5 แห่ง มูลค่า 6,000-8,000 ล้านบาท เช่น สุรวงศ์ โดยใช้เชน เลอ เมอร์ริเดียน มาบริหาร, สมุย 2 แห่ง ใช้เชนสตาร์วูด และบันยันทรี , เชียงใหม่ ที่ดิน 4-5 ไร่บน ถ.ช้างคลาน พัฒนาเป็นโรงแรมขนาด 400 ห้อง พร้อมห้องประชุม และพื้นที่ค้าปลีกครบวงจร และยังมีแผนที่จะนำที่ดินอีกแปลงบน ถ.สุรวงศ์ ตรงข้ามบ้านของเจริญ มาพัฒนาเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์, ที่ดินที่ภูเก็ต และกระบี่ อยู่ระหว่างพิจาณาว่าจะพัฒนาเป็นวิลล่าหรือรีสอร์ต
นอกจากนี้ ที.ซี.ซี. แลนด์ ยังเตรียมจะสยายปีกสร้างเชนของตัวเองขึ้นใหม่ ภายใต้การบริหารของ T.C.C. Land Leisure เพื่อพัฒนาโรงแรมราคาประหยัด มีมาตรฐาน เจาะตลาดนักท่องเที่ยวระดับล่าง เช่นเดียวกับที่มีในต่างประเทศ ซึ่งเป็นช่องว่างที่ตลาดในเมืองไทยยังไม่มีใครทำ โดยจะพัฒนากระจายไปตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศ เน้นทำเลที่ราคาที่ดินไม่แพง คาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็วๆ นี้
|