Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์6 สิงหาคม 2550
หุ้นกลุ่มปิโตรฯติดลมบนทยานรับอานิสงค์วงจรขาขึ้น             
 


   
search resources

Stock Exchange
Energy




ขาขึ้นกลุ่มปิโตรเคมี พาทั้งกลุ่มโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์รับแนวโน้มอานิสงค์เติบโตไหลลื่น เหตุอุปทานน้อยกว่าอุปสงค์ ดันส่วนต่างราคาขึ้นสูง โบรกฯมอง 2 ตัวหลัก ATC, PTTCH แนะให้รอจังหวะอ่อนแล้วค่อยช้อนซื้อ

จากการควบรวมกิจการของธุรกิจกลุ่มปิโตรเคมีในเครือ ปตท.มาอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดก็เป็นการควบรวมกันระหว่าง บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง(RRC) และ บมจ.อะโรเมติกส์(ATC) ทำให้ธุรกิจปิโตรเคมีของไทยจะเหลือเพียง 2 กลุ่มใหญ่ คือ ปตท. และเครือปูนซิเมนต์ไทย

ประกอบกับราคาของปิโตรเคมีที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเกิดจากอุปสงค์และอุปทานของตลาด และต้นทุนการผลิตที่มีการปรับขึ้นในอัตรามากกว่าราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยราคาแนฟธา ซึ่งเป็นวัตถุดิบตัวหนึ่งในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจากเดิมที่เคยมีราคาสูงกว่าราคาน้ำมันดิบ ล่าสุดราคาแนฟธาใกล้เคียงกับราคาน้ำมันดิบโดยราคาน้ำมันจะมีโอกาสอยู่ในระดับสูงต่อไปได้อีก เนื่องจากไม่มีอุปทานเข้ามาใหม่จนถึงปีหน้าที่มีการลงทุนขุดสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมใหม่เข้ามา

โกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) มองว่า หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีอยู่ในทิศทางขาขึ้น สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องรวมทั้งการอยู่ในช่วงของการขยายกำลังการผลิต เพื่อเพิ่มรายได้และรักษาผลกำไรให้ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอีกนานหลายปี

"ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับ หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีเพราะราคาผลิตภัณฑ์ทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ยังอยู่ในระดับสูง แต่ปัจจุบันราคาหุ้นส่วนใหญ่จะวิ่งขึ้นมาค่อนข้างเต็มมูลค่าไปแล้วหลายตัวโดยเฉพาะตัวใหญ่อย่าง บมจ.อะโรเมติกส์(ATC) รวมถึง บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH)"

สอดคล้องกับ บล.เอเชีย พลัส ที่มีมุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่มนี้เช่นกันโดยให้นำหนักการลงทุน "มากกว่าตลาด" เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติก HDPE ที่ยืนที่ระดับสูงถึง 1.35 พันเหรียญฯ/ตัน สูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา เพราะอุปทานใหม่ๆในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นน้อยมากในช่วงที่ผ่านมา โดยส่วนต่างราคา (Spread) ของเม็ดพลาสติก HDPE-แนฟทา ยังสูงถึง 660 เหรียญฯ/ตัน อีกทั้งการคาดการณ์ของ CMAI เกี่ยวกับแนวโน้มราคา HDPE ที่แข็งแกร่งต่อเนื่องโดยประเมินราคาเฉลี่ยในปี 2550-2551 เท่ากับ 1.26 พันเหรียญฯ/ตัน เนื่องจากอุปทานใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมานั้นยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับด้านอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า

ส่วนราคาเอทิลีนเริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว ล่าสุดเริ่มกระเตื้องขึ้นมาที่ระดับ 1.10 พันเหรียญฯ/ตัน ภายหลังจากโรงงานขั้นปลายของ FPCC ในไต้หวัน เริ่มดำเนินการผลิต ทั้งนี้ CMAI ประเมินราคาเอทิลีนเฉลี่ยในปี 2550-2551 เท่ากับ 1.10 พันเหรียญฯ/ตัน

สถานการณ์ดังกล่าว ย่อมส่งผลดีต่อ PTTCH ที่มีผลิตภัณฑ์ทั้งขั้นต้นและปลาย และยังมีความได้เปรียบในเรื่องวัตถุดิบ ซึ่งใช้ก๊าซ (ราคาต่ำกว่าแนฟทา 40-50 เหรียญฯ/ตัน) เป็นส่วนใหญ่

ขณะที่ราคา Px และ Bz กระเตื้องขึ้นอีกครั้งมาอยู่ที่ 1.17 พันเหรียญฯ/ตัน และ 1.08 พันเหรียญฯ/ตัน ตามลำดับ การอ่อนตัวในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่ๆของ Px ที่ไต้หวัน กำลังการผลิต 7 แสนตัน/ปี และ Bz ที่อิหร่าน กำลังการผลิต 4 แสนตัน/ปี

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่อุปทานที่เพิ่มขึ้นโดยรวมในปี 2550-2551 จะต่ำกว่าคาด เนื่องจากการเลื่อนผลิตเชิงพาณิชย์ของโรงงานในอิหร่านและคูเวต ทำให้ราคา Px ยังคงแข็งแกร่งและทรงตัวระดับสูงได้ต่อเนื่อง ส่วน Bz ยังคงมีทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่อยู่ระดับสูงขณะนี้

สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อ ATC โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส2/2550 คาดว่าจะทำระดับสูงสุดของปี 2550 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้มีการปรับเพิ่ม Fair value ของ ATC ขึ้นเท่ากับ PER เฉลี่ยของกลุ่มฯ ที่ 7 เท่า คือ 76 บาท

นอกเหนือจากกลุ่มโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่โดดเด่นในขณะนี้ กลุ่ม PVC ก็ได้อานิสงค์จากการที่การที่ราคา PVC ปรับตัวขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา โดยล่าสุดอยู่ที่ 970 เหรียญฯ/ตัน ซึ่งส่งผลดีมากต่อ Spread และผลการดำเนินงานไตรมาส2/2550 นี้ โดยมีผู้ได้ประโยชน์คือ บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) และ บมจ.วีนิไทย (VNT)

ฝ่ายวิจัยจึงได้ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนของทั้งกลุ่มฯ เป็นมากกว่าตลาด โดยหุ้น Top picks คือ PTTCH และ ATC โดยยังคงคำแนะนำซื้อ สำหรับ TPC และ VNT แต่เน้นการลงทุนเมื่ออ่อนตัว เพราะราคาเข้าใกล้ Fair value แล้ว และอยู่ระหว่างทบทวนเพื่อปรับไปใช้ Fair value ปี 2551 ส่วนหุ้นของ บมจ.อินโดรามา โพลีเมอร์ส (IRP) ปัจจุบันราคาได้เกิน Fair value ไปแล้วเช่นกัน และฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนมูลค่าพื้นฐานใหม่ โดยยังคงคำแนะนำซื้อ แต่เน้นการลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us