โฮมเวิร์ค ระบุแผน 4 ปี เตรียมทุ่มเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ผุดขยายอาณาเขต การขายสินค้าวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน 10 แห่ง พร้อมประกาศสิ้นปี มุ่งทำโปรโมชั่นเข็นยอดโตสวนพิษธุรกิจอสังหาล่วงติดลบ 2% ขึ้นได้อีก 40% กวาดเงินเข้ากระเป๋า 2,400 ล้านบาทแน่

นายพงศ์ ศกุนตนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ซีอาร์ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด โฮมเวิร์ค เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท เฉลี่ยใช้ต่อปีประมาณ 1,500 ล้านบาท ใช้ขยายสาขาในรูปแบบสโตร์ใหญ่ที่มีขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 5,000 ตารางเมตร ให้ครบ 10 สาขา ในระยะเวลา 4 ปีนับจากนี้ ทั้งนี้งบประมาณที่จะใช้เฉลี่ย 400-500 ล้านบาทต่อสาขา โดยจำนวนสาขาใหม่ที่จะเปิดดังกล่าวบริษัทจะทยอยเปิดให้บริการปีละประมาณ 2-3 สาขา และโลเกชั่น(พื้นที่)ในการขยายบริษัทฯต้องการให้อยู่ทั้งรอบกรุงเทพฯหรือตามหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวสามารถทำยอดรายได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันสาขาใหญ่มีอยู่ 6 สาขา ประกอบด้วย สาขาพัทยาใต้ สาขาเพชรเกษม สาขารัตนาธิเบศร์ สาขาพระราม 2 สาขาเซ็นทรัลรังสิต และสาขาเซ็นทรัลบางนา โดยสาขาที่ทำรายได้มากที่สุดเป็นสาขาที่พัทยาใต้ ที่ทำรายได้ถึง 50 ล้านบาท ในขณะที่สาขาอื่นเฉลี่ยรายได้ 30-40 ล้านบาท ต่อปี

พร้อมกันนี้การวางแผนขยายสาขาใหญ่จะยึดคอนเซปต์ของพัทยานำมาใช้เนื่องจากสาขานี้มีการปรับเปลี่ยนในแต่ละแผนกและวางสินค้าในแต่และเซ็กเม้นต์ชัดเจน ส่งต่อให้ยอดลูกค้ามีเพิ่มมากยิ่งขึ้นทั้งๆที่เป็นสาขาน้องใหม่ทั้งนี้แบ่งสัดส่วน กลุ่มลูกค้าต่างชาติมากถึง 40-50 %

ทั้งนี้นอกจากการขยายสโตร์ใหญ่ บริษัทฯยอมรับว่าต้องหยุดแผนขยายสาขาของโฮมเวิร์ค ดีไอวาย ร้านฮาร์ดแวร์สะดวกซื้อ ที่มีอยู่ 2 ร้าน จำหน่ายสินค้าซ่อมแซมและเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง มีพื้นที่ขนาด 1,000 ตารางเมตร ไปก่อน เนื่องจากการลงทุนในรูปแบบดังกล่าวอาจใช้งบที่น้อยกว่าแต่เมื่อดูผลตอบแทนกลับมา รายได้น้อยกว่าสาขาใหญ่ถึง10เท่า ไม่คุ้มค่ากันกับสาขาที่มีขนาดใหญ่กว่า ดังนั้นบริษัทฯจึงมองว่าการขยายช่องทางการทำตลาดด้วยการโฟกัสสาขาแบบใหญ่น่าจะเหมาะสมกว่า

ด้านแผนทำตลาดครึ่งปีหลังบริษัทฯจะต้องรุกทำตลาดในเชิงลุกและลึกมากยิ่งขึ้น เนื่องจากธุรกิจอสังหาดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าชะลอการซื้อบ้านลงเป็นอย่างมากธุรกิจโดยภาพรวมตลาดดังกล่าวคาดว่าสิ้นปีน่าจะติดลบถึง 1-2% ซึ่งตรงจุดนี้บริษัทฯเกรงว่ากลุ่มลูกค้าดังกล่าวเป็นฐานที่มีความสำคัญมาก เพราะมีสัดส่วนการซื้อมากถึง 40% ที่เหลือเป็นการซื้อปรับปรุง 50% ลูกค้ารายย่อยอีก 10% ในขณะที่ตลาดรวมของอุปกรณ์สินค้าตกแต่งบ้านทุกชนิดมีอยู่กว่าแสนล้านบาท แบ่งเป็นโมเดิร์นเทรด 20%

“การที่ธุรกิจอสังหามีปัญหาจะส่งต่อให้ธุรกิจหลักต้องพลอยได้ผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากธุรกิจทั้งสองอย่างสอดคล้องกันโดยตรง ซึ่งถ้ามองกันตรงๆธุรกิจของเราจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกับธุรกิจอสังหา เนื่องจากเมื่อลูกค้าที่ซื้อบ้านใหม่ ก็จะต้องซื้อของอุปกรณ์ต่างๆตกแต่งบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาการซื้อเฉลี่ย 1 เดือน 1-2 ครั้งมูลค่าการจับจ่ายมากถึง 50,000 บาทต่อบิล ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่ามาก ในการที่เกิดปัญาเช่นนี้ขึ้นมาบริษัทฯจำเป็นต้องมองปัญหานี้และต้องทำตลาดมากกว่าที่เคยทำ”

ดังนั้นครึ่งปีหลังบริษัทฯเตรียมใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท สำหรับรายการส่งเสริมการขาย จะเน้นกลยุทธ์ 1.แคริ่งมาร์เก็ตติ้ง จัดกิจกรรมตลาดมุ่งเน้นความพอใจกลุ่มลูกค้า 2.การทำแคมเปญส่งเสริมการขาย 2 ครั้งใหญ่ 3.จัดโฮมเวิร์ค เอ็กโปร 4. การรีโนเวตสาขาบางนาที่เปิดให้บริการมาแล้ว 6 ปีเต็ม ได้ใช้งบรีโนเวตไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท และกำลังจะรีลอนซ์เดือนกันยายน 5.เปิดแผนกวัสดุก่อสร้าง 6.การปรับเปลี่ยนสินค้าใหม่ 7. การติดตั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับลูกค้า

พร้อมกันนี้การจัดทำการตลาดรูปแบบนี้เชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นรายได้ให้เพิ่มมากขึ้นได้ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีไตรมาส 1 และ 2 บริษัทฯได้ใช้ไป120 ล้านบาท ทำตลาดมาโดยตลอดส่งต่อให้รายได้ 1,150 ล้านบาท โตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการโตสวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการทำโปรโมชั่นต่อเนื่องมากถึง 15 -20 รายการต่อเดือน

อย่างไรก็ตามการกำหนดยุทศาสตร์ด้วยการดึงกลยุทธ์ใหม่ๆเข้ามาร่วมทำตลาดของโฮมเวิร์คในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถสอดรับกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่มีเกิดขึ้นในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยสิ้นปีนี้ยังเชื่อมั่นว่ายอดขายของบริษัทฯจะต้องเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้คือ 2,400 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน นายพงศ์กล่าว