Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 สิงหาคม 2550
เทมาเส็กติดหล่มหุ้น"ชินคอร์ป" ฉุดกำไรตกฮวบเกือบ30%             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
โฮมเพจ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์

   
search resources

ชินคอร์ปอเรชั่น, บมจ.
เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์




เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ วานนี้ (2) แถลงผลประกอบการประจำปีการเงิน เม.ย.2006 - มี.ค.2007 ระบุว่ากำไรสุทธิตกฮวบลงถึง 29% โดยส่วนหนึ่งเพราะความเสียหายจากการลงทุนในบริษัทชินคอร์ป ที่ซื้อจากครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่มูลค่าหุ้นกลุ่มชินคอร์ปที่เทมาเส็กถืออยู่ในตลาดหุ้นไทยรวม 5 แห่ง ลดเหลือ 1.66 แสนล้านบาท หายไปแล้วกว่า 1.32 แสนล้าน หรือลดลงกว่า 44%

เทมาเส็กแถลงว่า ในรอบปีการเงินดังกล่าว กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ในระดับ 9,100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ต่ำลงจาก 12,800 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งทำได้ในปีการเงินก่อนหน้านั้น ขณะที่รายรับก็หล่นลงมาเหลือ 74,600 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จากที่ได้ 79,800 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในปีการเงิน เม.ย.2005-มี.ค.2006

ประธานเทมาเส็ก เอส. ธนาบาลัน อธิบายในคำแถลงว่า สาเหตุที่ผลประกอบการในปีการเงินนี้ย่ำแย่ลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีการขายกิจการที่ได้ไปลงทุนไว้ ต่ำลงมากว่าปีก่อนหน้านั้นมาก นั่นคือเพียง 5,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเท่ากับลดลงเกือบสองในสามจากการขายกิจการที่ได้ไปลงทุนไว้ถึง 13,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีก่อนหน้านั้น

สำหรับสาเหตุอีกส่วนหนึ่งของผลประกอบการย่ำแย่ลงนั้น ประธานเทมาเส็กระบุว่า "เนื่องจากความเสียหายของการลงทุนของเราในชินคอร์ป" แต่ไม่ได้เปิดเผยขนาดมูลค่าของความเสียหายนี้

เทมาเส็กได้ซื้อหุ้นชินคอร์ปจำนวน 49% ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว ด้วยราคาเกือบ 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยไม่ต้องเสียภาษี จากครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยในเวลานั้น แต่การซื้อขายรายนี้กลายเป็นกรณีอื้อฉาวซึ่งจุดชนวนให้คนไทยจำนวนมากประท้วงต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ จนในที่สุดนำไปสู่การทำรัฐประหารโค่นล้มเขาในเดือนกันยายน 2006

อย่างไรก็ดี เทมาเส็กแถลงในคราวนี้ว่า ยังคงมองการณ์แง่ดีเกี่ยวกับทิศทางอนาคตของชินคอร์ปที่เทมาเส็กถือหุ้นอยู่

"เรามีความมั่นใจในธุรกิจที่เป็นพื้นฐานของชินคอร์ป" เป็นคำกล่าวของ อึ้งยัตชุง กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารพอร์ตของเทมาเส็ก

หลังจากซื้อหุ้น 49% จากครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มนักลงทุนที่นำโดยเทมาเส็ก ได้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนมีหุ้นชินคอร์ปอยู่ในมือ 96%

ภายหลังรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกโค่นล้ม ข้อตกลงซื้อขายชินคอร์ป ได้กลายเป็นกรณีที่มีการสอบสวนดำเนินคดีอาญากันในประเทศไทย รวมทั้งทำให้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ด้วย

ถึงแม้ในปีการเงินนี้ กำไรสุทธิของเทมาเส็กจะลดน้อยลง แต่มูลค่าพอร์ตสุทธิของบริษัท ก็ยังคงเติบโตขึ้น 27% เป็น 164,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นับเป็นปีแรกที่ขึ้นมาเลยระดับ 100,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ คำแถลงของเทมาเส็กระบุ

นอกจากนั้น อึ้งแจกแจงต่อไปว่า เทมาเส็กยังคงสามารถทำอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นทบต้นโดยรวมได้ในระดับมากกว่า 18% ต่อปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 1974 แต่การรักษาตัวเลขนี้เอาไว้ให้ได้ "จะยังคงเป็นการท้าทายและเป้าหมายระยะยาวอันหนักหน่วงสำหรับเรา"

"มองออกไปข้างหน้า เรายังคงต้องระแวดระวังเมื่อพิจารณาจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระยะกลาง ตลอดจนสัญญาณของภาวะตลาดฟองสบู่" เขากล่าว

เทมาเส็กเวลานี้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทชั้นเยี่ยมของสิงคโปร์หลายแห่ง อาทิ สิงคโปร์ แอร์ไลนส์, ชาร์เตอร์ด เซมิคอนดักเตอร์, เนปจูน โอเรียนต์ ไลน์, พีเอสเอ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทบริหารจัดการท่าเรือ, และ สิงคโปร์ เทเลคอม

นอกจากนั้น เทมาเส็กยังเป็น 1 ใน 2 บริษัทเพื่อการลงทุน ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์มอบหมายหน้าที่ ให้นำเอาทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของประเทศ ไปลงทุนในทั่วโลก เฉพาะเทมาเส็กนั้นได้ลงทุนถือหุ้นใน พีที อินโดแซท ของอินโดนีเซีย, ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, พีที แบงก์ ดานามอน อินโดนีเซีย ตลอดจนกิจการอื่นๆ อีก

บริษัทแถลงด้วยว่า ยังคงปรับเปลี่ยนโฉมพอร์ตลงทุนของตนเสียใหม่ ด้วยการเพิ่มการลงทุนมากขึ้นในเอเชียส่วนที่อยู่นอกสิงคโปร์และญี่ปุ่น จาก 32% ก่อนหน้านี้ กลายมาเป็น 40% ในปัจจุบัน

เทมาเส็กเจ๊งแล้ว 1.3 แสนล้าน

จากการสำรวจมูลค่าการลงทุนของกลุ่มเทมาเส็กในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN รวมทั้งสิ้น 3,076,762,064 หุ้น หรือ 96.29% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท โดยถือหุ้น ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 1,742,407,239 หุ้น หรือสัดส่วน 54.53% และบริษัทแอสแพน โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 1,334,354,825 หุ้น หรือสัดส่วน 41.76%

หากเปรียบเทียบราคาหุ้น SHIN ที่เทมาเส็กตกลงซื้อในราคาหุ้นละ 49.25 บาท กับราคาปิด ณ วันปิดงวดบัญชีของเทมาเส็ก 30 มีนาคม 2550 (31 มี.ค. ตลาดหุ้นไทยหยุดทำการ) พบว่า มูลค่าหุ้น SHIN ลดเหลือเพียง 76,919.00 ล้านบาท หรือลดลง 74,611.43 ล้านบาท (ตารางประกอบข่าว)

อย่างไรก็ตาม การเข้าลงทุนครั้งนี้กลุ่มเทมาเส็กยังได้รับของแถมกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทในเครือรวม 4 แห่ง คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC สัดส่วน 42.80% บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL 42.80% (SHIN ถือผ่านบริษัท ชิน บอรดแบนด์อินเตอร์เนต (ประเทศไทย) จำกัด) บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV 52.93% และบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL 41.34%

เมื่อเทียบราคาหุ้นระหว่างวันที่ 23 ม.ค. กับวันที่ 31 มี.ค. 50 พบว่า มูลค่าหุ้นลดลงทั้ง 4 แห่ง โดย ADVANC ลดลง 46,757.34 ล้านบาท SATTEL ลดลง 3,945.12 ล้านบาท ITV ลดลง 6,928.85 ล้านบาท และ CSL ลดลง 125.05 ล้านบาท หากรวมทั้ง 5 บริษัทมูลค่าลดลงจาก 298,554.77 ล้านบาท เหลือ 166,186.97 ล้านบาท ลดลงกว่า 132,367.80 ล้านบาท คิดเป็น 44.34%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us