ไลอ้อน ลั่นครึ่งปีหลังทำตลาดเชิงรุก ไม่หวั่นตลาดอุปโภคบริโภคหดตัว 20% เศรษฐกิจซบ การเมืองอึมครึม ควักสินค้าใหม่ 1-2 รายการ เปิดตัวทุกเดือนปลุกรายได้สิ้นปีโต 15% ตามเป้ากวาด 8,000 ล้านบาท ล่าสุดเทกว่า 80 ล้านบาท เปิดตัวน้ำยาบ้วนปากและยาสีฟันซิสเท็มมา แจแปนิส เชอร์รี่ บลอสซัม สูตรควิกแคร์ สิ้นปีกวาดยอดขายสินค้าใหม่นี้ 140 ล้านบาท
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาสีฟัน แปรงสีฟันซิสเท็มมา เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะดำเนินการตลาดในเชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะหดตัวลง หรือท่ามกลางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมไปถึงภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคโดยรวมทั้งปีนี้ประมาณการณ์ว่าจะลดลง 10-20% เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะร้านค้าปลีกรายย่อยในตลาดต่างจังหวัดเริ่มได้รับผลกระทบดังกล่าว
“ปัจจัยที่บริษัทฯรุกตลาดมากขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ทางการเมืองจะมีความชัดเจน จากการมีการเลือกตั้งในช่วงปลายปีนี้ มีผลทำให้เงินสะพัดจากการหาเสียง เกิดการจ้างงานทำป้าย สื่อโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทฯคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้านี้น่าจะฟื้นตัว”
แผนการตลาดในครึ่งปีหลัง บริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างน้อย 1-2 รายการต่อเดือน ภายใต้แนวทางสินค้าเพื่อสุขภาพ เพื่อกระตุ้นผลประกอบการของบริษัทฯให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ มีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 8,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 7,000 ล้านบาท โดยรายได้ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 7-8% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คือโต 15% พร้อมกันนี้ยังได้ใช้งบการตลาดกว่า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 200 ล้านบาทในการทำตลาด
ล่าสุดได้ทุ่มงบกว่า 80 ล้านบาท เปิดตัวยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากภายใต้แบรนด์ซิสเท็มมา แจแปนิส เชอร์รี่ บลอสซัม สูตรควิกแคร์ นวัตกรรมใหม่สกัดจากกลิ่นดอกซากุระช่วยดูแลสุขภาพของเหงือกเสริมจากยาสีฟัน แตกต่างจากสินค้าทั่วไปที่มีคุณสมบัติลดกลิ่นปากหรือฆ่าเชื้อ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงเป็นหลักอายุ 18-35 ปี และเพื่อสร้างการรับรู้และการจดจำแก่ผู้บริโภค ได้จัดกิจกรรมและโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างครบวงจร อีกทั้งแจกสินค้าตัวอย่างกว่า 1 ล้านชิ้น
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์ในช่องปากมูลค่า 7,506 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 7-8% หรือมีมูลค่า 8,073 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ตลาดยาสีฟันมูลค่า 4,952 ล้านบาท เติบโต 4.2% เพิ่มเป็น 5,162 ล้านบาท ตลาดแปรงสีฟันมูลค่า 1,694 ล้านบาท โต 12.5% เพิ่มเป็น 1,906 ล้านบาท และตลาดน้ำยาบ้วนปากนับว่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโต 17% มากที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในช่องปาก โดยมูลค่า 860 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,005 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการเปิดตัวน้ำยาบ้วนปากสูตรใหม่ ตั้งเป้ายอดขาย 40 ล้านบาทภายในปีนี้ และผลักดันส่วนแบ่งตลาดรอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มจาก 5.6% เป็น 10% ขึ้นเป็นอันดับสองแทนที่บายมาซิน ซึ่งมีส่วนแบ่งลดลงจาก 8.1% เป็น 6.9% ส่วนผู้นำตลาดลิสเตอลีนครองส่วนแบ่งเพิ่มจาก 74% เป็น 76.6%
ขณะที่ยาสีฟันสูตรใหม่ คาดว่าจะสร้างยอดขาย 100 ล้านบาท และผลักดันส่วนแบ่งคอปอร์เรต แชร์เพิ่มจาก 13.9% เป็น 18% โดยคาดว่าซิสเท็มมามีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 4.5% เป็น 8% ส่วนซอลล์ส่วนแบ่งรอบเดือนกรกฎาคมมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 3.6% เป็น 4.5% คอลเกตเพิ่มจาก 33.1% เป็น 34% ดาร์ลี่ลดลงจาก 15.3% เป็น 15% สำหรับตลาดแปรงสีฟัน คอลเกต มีส่วนแบ่ง 35.4% เพิ่มเป็น 35.1% ออรัลบีลดลงจาก 16.2% เป็น 14.3% ไลอ้อนเพิ่มขึ้นจาก 14.1% เป็น 15.8%
|