Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์6 สิงหาคม 2550
กลยุทธ์ "เซกเมนต์เทชั่น"ภาคใหม่การตลาดโน้ตบุ๊ก             
 


   
www resources

โฮมเพจ Dell Inc.
โฮมเพจ Sony Corporation

   
search resources

เดลล์ คอมพิวเตอร์, อิงค์
โซนี่ ไทย, บจก.
Notebook




ผ่าการตลาดภาคใหม่โน้ตบุ๊กกับการใช้กลยุทธ์เรื่องของเซกเมนต์เทชั่น "โซนี่ ไวโอ้" ลงลึกด้วยกลยุทธ์เซกเมนต์เจาะไปที่ตัวบุคคลในแบบที่สินค้าแบรนด์อื่นไม่สามารถตามทันได้ "เดลล์" กอบกู้สถานการณ์ธุรกิจด้วยซัพแบรนด์สร้างตลาดย่อยทวงตลาดที่สูญเสียไปกลับคืน

หลังจากโซนี่เริ่มทำตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว บนแนวความคิดว่าจะต้องทำอย่างไรให้โน้ตบุ๊กโซนี่ ไวโอ้เกิดการใช้งานอย่างกว้างขวางที่สุด โซนี่ได้ตั้งทิศทางสำหรับโน้ตบุ๊กตัวนี้ว่าจะต้องเน้นการสร้างความภาคภูมิใจ ความพึงพอใจสูงสุดให้เกิดในใจของผู้ใช้งานมากที่สุด ก่อนที่จะมาเน้นเรื่องของดีไซน์เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการเพิ่มจุดขายเรื่องของโซลูชั่น และเหนือไปกว่านั้นคือการใส่ความสนุกให้กับการใช้งานโน้ตบุ๊กไวโอ้ด้วย

"ที่ผ่านมาเรามองการทำตลาดโน้ตบุ๊กเรื่องของสเปกเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่โน้ตบุ๊กของเราจะต้องมีความพิเศษเหนือกว่าคู่แข่งขันแบรนด์อี่น"

เป็นคำกล่าวของ คาซูโอะ ซูยาม่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด และขยายความต่อว่าปัจจุบันนี้ทุกคนอยากเป็นเจ้าของโน้ตบุ๊กไวโอ้จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ในก้าวต่อไปของโซนี่จะต้องทำในสิ่งที่แบรนด์อื่นๆ ไม่สามารถทำได้ ด้วยการเน้นเรื่องของการใส่ไลฟ์สไตล์ การเล่นกับสีสัน ที่สำคัญคือจากนี้ต่อไปความอยากเป็นเจ้าของโน้ตบุ๊กไวโอ้จะเจาะลงไปที่เซกเมนต์มากขึ้น หรือลงไปที่บุคคลมากยิ่งขึ้น

ความสำเร็จของการทำตลาดโน้ตบุ๊กไวโอ้คือการเป็นผู้นำในตลาดโน้ตบุ๊กที่มีราคาสูงกว่า 40,000 บาท โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% ปัจจัยสำคัญมากจากการทำตลาดโน้ตบุ๊กอย่างแตกต่าง มีสไตล์ลิสต์ และสร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับการใช้งาน

ฮิโรยูกิ โอดะ ผู้จัดการทั่วไป ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ไวโอ้ โซนี่ คอร์ปอเรทชั่น เผยถึงสิ่งที่ทำให้ไวโอ้ประสบความสำเร็จ มาจาก 3 ด้านหลัก ได้แก่

1.การนำเสนอทางเลือกของสไตล์ให้กับลูกค้า โซนี่มีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์และบุคลิกของลูกค้าแต่ละคน ด้วยความหลากหลายของตัวเลือกและสีสันของผลิตภัณฑ์

2.ความท้าทายในด้าน การใช้งานแบบพกพาอย่างแท้จริง ผลิตภัณฑ์แบบพกพาของโซนี่ไม่เพียงแต่บางและเบา แต่ความสามารถของแบตเตอรี่ยังใช้ได้ยาวนาน นอกจากนี้โซนี่ยังมุ่งเน้นเรื่องความแข็งแรง ทนทาน และคุณภาพสูงสุดของหน้าจอ ด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และไฟแบล็คไลท์แอลอีดี

และ 3.การสร้างโลกของไฮเดฟฟินิชั่นอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ใช้ไวโอ้จะได้รับความบันเทิงจากคอนเทนต์ระดับไฮเดฟฟินิชั่นได้ทุกที่และทุกเวลา โดยการใช้หน้าจอคุณภาพสูง มีการใช้ไดร์ฟบลูเรย์ในโน้ตบุ๊ก ซึ่งไวโอ้เป็นผู้ริเริ่มเป็นแบรดน์แรกของโลก

การทำตลาดโน้ตบุ๊กของโซนี่ไวโอ้จะมีการแบ่งตลาดโน้ตบุ๊กเป็นซีรี่ส์ ซึ่งจะมีจุดเด่นจุดขายที่แตกต่างกันเพื่อให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายแต่ละเซกเมนต์ให้มากที่สุด อย่าง U ซีรี่ส์ เป็นพีซีเล็กที่สุดในโลกขณะนี้ Tซีรี่ส์ เน้นเรื่องความสวยงามเหมาะสำหรับกลุ่มนักธุรกิจระดับสูง S ซีรีส์ มุ่งนักธุรกิจโดยเฉพาะเน้นความเบาบางคุณภาพสูง C ซีรี่ส์ เป็นโน้ตบุ๊กที่เล่นเรื่องของสีสัน ใช้สร้างตลาดใหม่ให้กับไวโอ้ในตลาดวัยรุ่นและสุภาพสตรี I ซีรี่ส์ เป็นเอนเตอร์เทนเมนท์โน้ตบุ๊ก และ L ซีรี่ส์ มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงการใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะภายในบ้าน

และในช่วงที่โซนี่ ไวโอ้ทำตลาดโน้ตบุ๊กครบรอบ 10 ปี ได้มีการเปิดตัวไวโอ้รุ่นพิเศษที่พร้อมวางขายไปทั่วโลกและในประเทศไทย ภายใต้ VAIO T Series 2 รุ่น คือ VGN-TZ17SN และ VGN-TZ16SN เป็นโน้ตบุ๊กที่ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานแบบพกพาอย่างแท้จริง ด้วยน้ำหนักที่รวมแบตเตอรี่แล้วเพียง 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น มีให้เลือก 2 สีคือสีดำ และสีทอง สะท้อนบุคลิกเคร่งขรึม มีรสนิยม โซนี่มั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองการใช้งานของกลุ่มลูกค้าทั้งในระดับผู้บริหาร หรือนักธุรกิจทั้งชายหญิง

นอกจากนี้โซนี่ยังได้ขยายครอบครัวไวโอ้ด้วยการเปิดตัวไวโอรุ่นล่าสุดอีก 2 ซีรี่ส์ คือ VAIO FZ Series และ VAIO CR Series และในผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวยังจะเข้ามาเติมเต็มโลกความบันเทิง HD World ของโซนี่ให้สมบูรณ์แบบด้วย VAIO FZ Series ในรุ่นท็อป VGN-FZ18S ซึ่งจะให้ประสบการณ์ความบันเทิงทั้งการรับชม การตัดต่อ และการบันทึกข้อมูลด้วยคุณภาพระดับไฮเดฟฟินิชั่น รวมทั้งความสามารถในการเล่นแผ่นบลูเรย์ดิสก์

และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ ทันสมัย และมีสไตล์เฉพาะตัวโซนี่ใช้ VAIO CR Series ในการตอบสนอง ในรุ่นใหม่ล่าสุดคือ VGN-CR13S เป็นโน้ตบุ๊กที่มีดีไซน์สีสันพิเศษเป็นประกาย คือสีชมพู สีน้ำเงิน สีขาว และสีดำ และโซนี่ยังได้ออกแบบคีย์บอร์ดแบบใหม่เพื่อเอาใจสุภาพสตรีที่นิยมตกแต่งเล็บ ให้ใช้งานได้อย่างไร้กังวล

"เรายังเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อได้เปรียบที่แข็งแกร่งของโซนี่ คือโมบิลิตี้ โซลูชั่นและไลฟ์สไตล์ และเซอร์วิสแอนด์ซัปพอร์ต ทั้งหมดจะนำให้โซนี่สู่ความสำเร็จในการเพิ่มความต้องการตลาด และสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ใหม่ได้ตามเป้าหมาย" คาซูโอะ ซูยาม่า กล่าว

เดลล์เซกเมนต์แทชั่น ด้วยซัพแบรนด์เจาะตลาด

ทางด้านเดลล์ อิงค์ บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลสัญชาติอเมริกันที่ประสบความสำเร็จกับโมเดลขายตรงในสหรัฐอเมริกาจนทำให้ตัวเองก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับแถวหน้าของโลก ภายหลังจากที่ไมเคิล เดลล์ ผู้ก่อตั้งบริษัทได้หวนกลับมานั่งในตำแหน่งซีอีโออีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อมากอบกู้สถานการณ์ของเดลล์ที่ดูถดถอยลงนับตั้งแต่ที่วางมือไป ทำให้เอชพีก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแทนอยู่ในเวลานี้

แนวทางหนึ่งที่ทางไมเคิล เดลล์กำหนดออกมาเป็นนโยบายในการกอบกู้เดลล์ในครั้งนี้ ก็คือ การนำเรื่องของการเซกเมนต์เทชั่นมาร์เก็ตเข้ามาใช้ ด้วยการวางแผนที่จะผลิตสินค้าแบรนด์ย่อยๆ ลงมาเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะเพิ่มขึ้น ผลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มเห็นแล้ว เมื่อเดลล์เปิดตัวคอมพิวเตอร์ตระกูลใหม่ที่ใช้ชื่อว่า "Vostos" หรือ "วอสโตร" ซึ่งเป็นภาษาลาตินที่แปลว่า"ของๆ คุณ" ที่ออกแบบมาตอบสนองความต้องการผู้ใช้กลุ่ม "เอสเอ็มอี" โดยเฉพาะ

เดลล์สร้างความชัดเจนในการบุกตลาดกลุ่มนี้ พร้อมกับการจัดตั้งทีมงานเพื่อมารองรับการทำตลาดเฉพาะวอสโตรโดยเฉพาะ ก่อนหน้าที่เดลล์จะเปิดตัววอสโตร ได้มีการทำโฟกัสกรุ๊ปเพื่อหาข้อมูลความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้หรือที่ในประเทศไทยเรียกว่า โซโห พบว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ถึง 10% ที่มีพนักงานทางด้านไอทีช่วยดูแล การจัด การด้านไอทีไม่เป็นระบบ ค่อนข้างมีปัญหายุ่งยาก

ดังนั้น เดลล์จึงได้กำหนดกลยุทธ์ในการทำตลาดของวอสโตรเพื่อเน้นตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกกับการใช้งานของลูกค้ากลุ่มนี้ ตั้งแต่ตัวสินค้าที่เน้นใช้งานง่าย มีทีมให้คำปรึกษากับลูกค้าทั้งด้านการอิมพลีเมนต์ การวางแผนลงทุน และระบบไฟแนนซิ่งซัพพอร์ต ทั้งนี้ปัจจัยราคาถือเป็นเรื่องที่ผู้ใช้ในกลุ่มนี้คำนึง ทำให้ราคาของวอสโตรถูกตั้งขึ้นมาให้ถูกว่า

อโณทัยยอมรับว่า ตลาดเอสเอ็มอี ราคายังถือเป็นปัจจัยสำคัญ ราคาของวอสโตรจึงต่ำกว่าสินค้ากลุ่มคอร์ปอเรตของเดลล์ 30% ดูได้จากโน้ตบุ๊กของวอสโตรมีราคาเริ่มต้นที่ 17,900 บาท มีให้เลือกในช่วงแรกนี้ 3 รุ่น ประกอบไปด้วย วอสโตร 1000, 1400 และ 1500 ส่วนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ วอสโตร 200 ตัวเคสแบบสลิมสนนราคาเริ่มต้นที่ 10,900 บาท จอภาพขนาด 19 นิ้ว ราคา 8,700 บาท

"นโยบายการทำตลาดของวอสโตร ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่ราคาถูกที่สุดแต่คุ้มค่า"

สิ่งที่ทำให้วอสโตรมีความแตกต่างจากลุ่มคอร์ปอเรตของเดลล์อีกประการก็คือ เรื่องของบริการหลังการขายที่ถึงแม้ว่าจะเป็นไปตามมาตรฐานการให้บริการของเดลล์คือ แบบ onsite service next business day แต่ระยะเวลาของการรับประกันสินค้าจะลดจาก 3 ปีลงมาเหลือเพียง 1 ปี

"นี่ไม่ใช่เพียงซัพแบรนด์หนึ่งของเดลล์แต่เปรียบเสมือนระบบนิเวศ เป็นหนึ่งในเซกเมนท์หนึ่งที่เราตั้งขึ้นมาเพื่อเจาะกลุ่มตลาดเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ โดยจะประกอบด้วยทีมงานด้านการขาย การให้การสนับสนุนลูกค้า และเครื่องมือต่างๆ"

อโณทัย กล่าวว่า เดลล์ได้ตั้งทีมขายและการตลาดขึ้นมาในแต่ละประเทศเพื่อรองรับกับแนวทางการทำตลาดใหม่ในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการจับกลุ่มตลาดที่มีลักษณะแมสมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ซี่งทำให้มีความต้องการทีมงานที่ใหญ่ตามไปด้วย โดยจะยังคงใช้รูปแบบการขายตรงเหมือนที่ทำตลาดในกลุ่มคอร์ปอเรตที่คอลเซ็นเตอร์ที่คอยทำหน้าที่เทเลเซลล์ ตอบเรื่องทางเทคนิคต่างๆ รวมถึงรองรับการติดต่อรับใบสั่งซื้อจากดีลเลอร์หรือโซลูชั่นโพรวายเดอร์ที่เป็นช่องทางที่เพิ่มขึ้นมาในการทำตลาดวอสโตร ที่ทางกลุ่มเอสเอ็มอีสามารถจะเข้าไปสั่งซื้อจากช่องทางเหล่านี้ได้อีกช่องทางหนึ่ง

"ปกติ ทีมคอลเซ็นเตอร์ที่ดูแลลูกค้าคอร์ปอเรตรวมศูนย์อยู่ที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย แต่ทีมที่ทำตลาดโซโหจะอยู่ในประเทศไทยเพราะตลาดกลุ่มนี้ใหญ่มาก จำนวนลูกค้าหลากหลายมีโอกาสเติบโตสูงมาก ต้องการทีมงานที่ดูแลจำนวนมาก ถ้าใช้ทีมที่ปีนังจะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงกว่าคอลเซ็นเตอร์ในประเทศ"

อโณทัยยังได้กล่าวถึงกิจกรรมการตลาดที่จะเห็นนับจากนี้ว่า หลังจากนี้จะได้เห็นกิจกรรมการตลาดของเดลล์ภายใต้แบรนด์วอรโตรมากขึ้น ทั้งในรูปแบบของการโฆษณาสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และการทำกิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ต่างๆ อย่างเต็มที่ รวมถึงการเข้าร่วมงานคอมพิวเตอร์เทรดโชว์ต่างๆ

"ที่ผ่านมาเดลล์เน้นการขายในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่เป็นหลักทำให้ไม่ได้เน้นการทำกิจกรรมการตลาด แต่วันนี้เดลล์เปลี่ยนเกมใหม่เพื่อเจาะตลาดโซโห พร้อมกับเป้าหมายในการเข้าสู่ตลาดคอนซูเมอร์ในอนาคตที่ไม่ไกล รอบ 2 ปีที่ผ่านมา เดลล์ในประเทศไทยมียอดขายเพิ่มขึ้น 120% คาดว่า หลังเปิดแบรนด์ใหม่รุกเอสเอ็มบีโดยเฉพาะจะทำให้รักษาการเติบโตของยอดขายระดับดังกล่าวไว้ได้"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us