Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 เมษายน 2546
เส้นทางต่อสู้"ประชัย" 2รัฐบาลทวงทีพีไอคืน             
 

   
related stories

ประชัยชนะศึกชิงทีพีไอ ศาลปลดอีพีแอล-บริหารพลาด
อีพีแอลจุดหักเหทีพีไอ

   
search resources

ประชัย เลี่ยวไพรัตน์




ต่อไปนี้คือเส้นทางการต่อสู้ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ที่ต้องใช้เวลากว่า 3 ปี 2 รัฐบาล พยายามปรับโครงสร้างหนี้ทีพีไอ ตั้งแต่กลางปี 2540 เป็นต้นมา ที่มูลหนี้เพิ่มมหาศาลไม่ใช่เพราะความผิดพลาดจากการบริหารงานของนายประชัย แต่เพราะเจอพิษเงินบาทลอยตัว และคัดค้านอีพีแอลบริหารแผนฟื้นฟู ทีพีไอ ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2543

30 มิถุนายน 2540 กลุ่มทีพีไอ ประสบกับปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้นมาก จากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน หลัง เงินบาทลอยตัว เทียบค่าเงินสกุลหลักของโลก ผลการดำเนินงานงวด ครึ่งปีแรก 2540 ทีพีไอ และทีพีไอ โพลีน ซึ่งตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ถือหุ้นใหญ่ทั้งคู่ หนี้สินรวมกันถึง 4.31 พัน ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 185.33 พันล้านบาท) เป็นหนี้ต่างประเทศ 2.58 พันล้านดอลลาร์ จนถึงสิ้นปี 2540 เมื่อ คิดเป็นเงินบาท มูลค่าหนี้เพิ่มเกือบ 50% ของมูลค่าหนี้ทั้งหมด

กันยายน 2540 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประกาศหยุดชำระหนี้มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ของทีพีไอ และทีพีไอ โพลีน ที่มีเจ้าหนี้รวมกัน 120 ราย ที่สำคัญๆ คือไอเอฟซี (International Finance Corporation) บริษัทเอกชนเพื่อการลงทุนในเครือธนาคารโลก และซิตี้แบงก์จากแดนมะกัน

11 ธันวาคม 2540 กลุ่มทีพีไอ เข้าพบนาย "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว. อุตสาหกรรมขณะนั้น เพื่อขอให้ รัฐบาลไทยค้ำประกันเงินกู้ KfW ธนาคารเพื่อการพัฒนาจากเยอรมนี มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ หลังสถาบัน การเงินไทยไม่ยอมค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว

15 มกราคม 2541 กลุ่มเจ้าหนี้ สถาบันการเงินบังคับกลุ่มทีพีไอขายทรัพย์สิน รวมถึงหุ้น ให้นักลงทุนต่างชาติ แต่นายประชัยปฏิเสธ

20 สิงหาคม 2541 เจ้าหนี้ต่างชาติประมาณ 15-20 ราย ประชุมเพื่อ หาแนวทางดำเนินการหนี้มูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์ของทีพีไอ ที่ครบชำระ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย แต่หนี้ดังกล่าว ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขณะที่ ทีพีไอส่งแผนปรับโครงสร้างหนี้ให้บรรดาเจ้าหนี้พิจารณา ซึ่งนายประชัย คาดว่าจะได้รับคำตอบภายใน 2 สัปดาห์

แบงก์ชาติไกล่เกลี่ยปีที่ 2

9 กันยายน 2541 ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นตัวกลางเจรจาประ- นอมหนี้กับกลุ่มเจ้าหนี้ให้กับกลุ่ม ทีพีไอมูลหนี้ 3,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเจ้าหนี้รายใหญ่กว่าครึ่ง สนใจจะ แปลงหนี้เป็นทุน

3 มีนาคม 2542 ที่ประชุมคณะ กรรมการทีพีไอ และทีพีไอ โพลีน เปิด ทางบริษัท อุเบะ อินดัสทรี จำกัด และบริษัท มารูเบนี จำกัด จากญี่ปุ่น ถือหุ้นเพิ่มทุนบริษัท คาโปรแลคตัมไทย จำกัด เพื่อนำเงินที่ได้ ฟื้นฟูทีพีไอ-ทีพีไอโดลีน ทำให้ทีพีไอเหลือสัดส่วนหุ้นบริษัทนี้ 1.28% จากเดิม 1.57% และทีพีไอ โพลีน เหลือ 31.79% จากเดิม 38.8%

1 พฤษภาคม 2542 จำนวน 99 เจ้าหนี้ทีพีไอ-ทีพีไอโพลีน มูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ กว่า 88.9% ยอมรับ แผนปรับโครงสร้างหนี้ ตามเงื่อนไขบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) คาดจะเพิ่มเป็น 93% หลังได้รับความ เห็นชอบจากเจ้าหนี้หุ้นกู้

12 พฤษภาคม 2542 ทีพีไอจัด ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อรับทราบแผนปรับโครงสร้างหนี้ และโหวตรับแผนยืดเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้ เป็นปี 2548 จาก เดิม 2545 ซึ่งคาดว่าเจ้าหนี้หุ้นกู้จะรับแผนดังกล่าว

6 พฤษภาคม 2542 กลุ่มทีพีไอ ประชุมร่วมกับคณะกรรมการเจ้าหนี้ เพื่อเจรจาแผน ปรับโครงสร้างหนี้

8 พฤศจิกายน 2542 แบงก์กรุงเทพ เจ้าหนี้รายใหญ่ที่ปล่อยกู้กลุ่ม ทีพีไอ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท มั่นใจว่าจะสรุปแผนปรับโครงสร้างหนี้ได้เร็ว เพราะสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เจรจาความคืบหน้าหมดแล้ว เจ้าหนี้ ทั้งหมดยอมรับหลักการเบื้องต้น แต่ยังติดรายละเอียดเทคนิค

ประเด็นหลักคือ บริษัทขอเพิ่มทุน โดยออกหุ้นกู้ และให้สถาบันการ เงินเจ้าหนี้รับซื้อ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่าง หารือว่าสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะ รับหุ้นกู้สัดส่วนเท่าไร

บีโอไอแทรก

9 พฤศจิกายน 2542 รัฐบาลแสดงท่าทีชัดเจนที่จะเป็นตัวกลางประสานงานการเจรจาปรับโครงสร้าง หนี้กลุ่มทีพีไอ เพราะเห็นว่า หากการ เจรจาไม่สำเร็จ อาจส่งผลกระทบภาค อุตสาหกรรมไทยโดยรวม โดยมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ประสานงาน โดยเลขาธิการบีโอไอขณะนั้น นายสถาพร กวิตานนท์ ออกหนังสือ รับรองให้อีพีแอลบริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ทั้งที่นายประชัยคัดค้าน เพราะผิด พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุน

16 พฤศจิกายน 2542 ที่ประชุม เจ้าหนี้หุ้นกู้ประมาณ 300-400 ล้านดอลลาร์ มีมติเห็นชอบแผนปรับโครง สร้างหนี้ทีพีไอ โพลีน

17 พฤศจิกายน 2542 ผู้บริการ ทีพีไอ โพลีนกล่าวว่า การประชุมคณะ กรรมการเจ้าหนี้ เพื่อลงมติรับแผนปรับโครงสร้างหนี้ทีพีไอ โพลีนครั้งแรกวันรุ่งขึ้น (18 พ.ย. 2542) เจ้าหนี้ รายใหญ่ 2 ราย มูลหนี้กว่า 40% ไม่รับแผน เพราะต้องการให้บริษัทเซ็น สัญญาร่วมทุนพันธมิตรรายใหม่ และ โอนอำนาจบริหารให้พันธมิตรรายใหม่ ก่อน ขณะที่แผนปรับโครงสร้างหนี้กลุ่มทีพีไอ เตรียมส่งศาลล้มละลาย กลางพิจารณาฟื้นฟูกิจการบริษัท

18 พฤศจิกายน 2542 ที่ประชุม คณะกรรมการเจ้าหนี้มีมติไม่รับแผน ปรับโครงสร้างหนี้ทีพีไอ โพลีน ด้วยคะแนนเสียงทั้งสิ้น 96.6% ของมูลหนี้ ทั้งหมด ซึ่งทีพีไอ โพลีนต้องทบทวน แผนดังกล่าว และเสนอที่ประชุมคณะ กรรมการเจ้าหนี้พิจารณาอีกครั้ง เป็น ครั้งที่ 2 ถือเป็นครั้งสุดท้าย 3 ธันวาคม 2542 ซึ่งต้องจับตาการทบทวนของทีพีไอ โพลีน จะก่อเกิดความพอใจบรรดาเจ้าหนี้หรือไม่

16 ธันวาคม 2542 ที่ประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้ ลงมติรับแผน ปรับโครงสร้างหนี้ทีพีไอโพลีน ภายใต้ กระบวนการคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.) ด้วยคะแนนเสียง 95.6% ของมูลหนี้ทั้งหมด พร้อม ยื่นเข้าสุ่กระบวนการศาลล้มละลายกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหนี้ฟ้องร้อง ภายหลัง เพราะเจ้าหนี้ไม่รับแผน 4.4%

22 ธันวาคม 2542 คณะกรรม การเจ้าหนี้ทีพีไอ นำโดยแบงก์กรุงเทพ ออกแถลงการณ์ไม่รับพิจารณาข้อเสนอเพิ่มทุนบริษัท ตามที่ลูกหนี้ นำโดยนายประชัย เสนอ

27 ธันวาคม 2542 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีพีไอ ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีขณะนั้น แสดงเจตนาพร้อมจะเซ็นสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ กับเจ้าหนี้ แต่ต้องพิจารณาประเด็นเพิ่มทุนประกอบด้วย

17 มกราคม 2543 ทีพีไอเซ็นสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับคณะกรรมการเจ้าหนี้ (Steering
Committee) มูลค่ากว่า 3,400 ล้านดอล-ลาร์ หลังจากยืดเยื้อว่า 2 ปี สัญญา ระบุว่า เจ้าหนี้จะยอมหารือการเพิ่มทุน จดทะเบียนบริษัท หลังลงนามสัญญา และยื่นศาลล้มละลายกลางบ่ายวันเดียวกัน

21 มกราคม 2543 ทีพีไอ และคณะกรรมการเจ้าหนี้ หารือร่วมกัน แผนเพิ่มทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านดอลลาร์ ครั้งแรก โดยบริษัทหลักทรัพย์เจเอฟ ธนาคม และบริษัทหลัก ทรัพย์เมอร์ริลล์ ลินช์ เป็นที่ปรึกษา

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us