“นิสสัน” ยังยิ้มได้ไม่เต็มปาก ยอมรับหลังการบริหารใหม่แม้จะดีขึ้น แต่ยังไม่เป็นที่พอใจ 100% ต้องจูนแต่ละหน่วยงานให้ทำงานสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันและวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดให้ขาด เผยฟรอนเทียร์ นาวารารุ่นไม่มีแค็ปต้องรอปีหน้า เพราะไลน์ผลิตต้องรับแผนตลาดทั่วโลกด้วย

นายเทียรี่ เวียดิว กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด กล่าวว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งช่วงปลายปีที่แล้ว ได้มีการปรับโครงสร้างบริหารและองค์กรใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่ามีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นแต่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าพึงพอใจ 100%ยังต้องมีการปรับปรุงกันต่อไป

“การที่จะทำให้สำเร็จได้ตามเป้าหมายไม่ใช่ว่าจะขึ้นอยู่กับองค์กรเพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่องของสินค้า การทำงานรวมกันในทุกๆ ฝ่ายซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่แน่นอนว่าสิ่งที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน คือความสัมพันธ์ในการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานให้เป็นในทิศทางเดียวกัน แล้วนำไปสู่ตัวแทนจำหน่ายและการบริการลูกค้าเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดกับลูกค้า”

โดยขณะนี้ปัญหาที่แต่ละฝ่ายของนิสสันจะต้องช่วยกันวิเคราะห์คือ ในสภาวะปัจจุบันแต่ละยี่ห้อต่างมีจัดรายการส่งเสริมการขายหรือแคมเปญกันอย่างมากแต่กลับไม่สามารถช่วยให้ตลาดพ้นจากสภาวะนิ่งได้ ตรงนี้นิสสันจะต้องช่วยกันวิเคราะห์ตอบโจทย์ปัญหานี้ให้ได้เพื่อจะที่จะตอบสนองสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้ได้มากที่สุด

“ส่วนการรีลอนซ์นิสสัน ทีด้า ใหม่ในภาพรวมที่สะท้อนกลับมา ทั้งจากตัวแทนจำหน่าย ลูกค้าและยอดขาย ถือว่ามีตัวเลขที่เป็นบวกมากขึ้น ขณะที่ปิกอัพฟรอนเทียร์ นาวารา ใหม่ หลังจากเปิดตัวมาเมื่อต้นปีเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งงานต่อไปคือการเปิดตัวรุ่นไม่มีแค็ปในปีหน้าแต่ไม่ได้ช้าเป็นไปตามแผนที่วางไว้เพราะไลน์ประกอบจะต้องสัมพันธ์กับการส่งออกทั่วโลกด้วย”นายเวียดิวกล่าวและว่า

ในส่วนของสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการเมืองผันผวนแน่นอนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไทยชะลอตัวไป12-15% ซึ่งนิสสันก็ได้รับผลกระทบด้วย แต่ยังไม่สามารถสรุปเป้าหมายยอดขายใหม่ได้จากที่วางไว้เมื่อต้นปี 5 หมื่นคัน ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ในสภาวะตลาดรถยนต์นิ่งเช่นนี้ นิสสันจะต้องทำอย่างไรให้ยอดขายดีขึ้น และจะต้องเลือกอะไรเป็นสิ่งสุดท้าย ระหว่างผลกำไรกับปริมาณยอดขายที่มากขึ้น

นายเวียดิวกล่าวว่าสำหรับการลงทุนของนิสสันยังไม่มีเพิ่มในช่วงนี้ หลังจากล่าสุดได้เปิดโรงงานฉีดพลาสติกกันชนหน้าปิกอัพฟรอนเทียร์นาวารา ใหม่ ซึ่งใช้เงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท

ในพื้นที่โรงงานประกอบรถยนต์นิสสัน ถนนบางนา-ตราด กม.21 เพื่อรองรับการผลิต 200,000 คันต่อปีสำหรับการส่งออกไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลกที่จะเริ่มปลายปีนี้

“ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นส่งผลทั้งบวกและลบ โดยในส่วนของการนำเข้าชิ้นส่วนและรถยนต์สำเร็จ จะได้รับผลดีจากแข็งค่าของเงินบาท แต่นิสสันมีการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนด้วย ตรงนี้จะได้รับผลลบจากค่าเงินเช่นกัน เพียงแต่ขณะนี้นิสสันยังส่งออกไม่มากนัก ซึ่งในอนาคตหากส่งออกอย่างเต็มที่แน่นอนหากเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง คงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก” นายเวียดิว กล่าว