|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กิฟฟารีน ยันไม่ปรับแผนธุรกิจขายตรง เท 140 ล้านบาท ลุยครึ่งปีหลัง ส่งภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่องใหม่ปลุกความเชื่อมั่นธุรกิจกิฟฟารีน สร้างภาพลักษณ์ขายตรง ชงแนวคิดทางเลือกใหม่ของชีวิต รับเศรษฐกิจตกสะเก็ด ระบุภาวะตกงานโอกาสคนแห่เข้าระบบขายตรงมีสูง มั่นใจสิ้นปีรายได้โต 10% กวาด 3,800 ล้านบาท
แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงกิฟฟารีน เปิดเผยว่า แผนการตลาดในครึ่งปีหลังบริษัทได้ทุ่มงบ 140 ล้านบาท จากงบทั้งปี 200 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นการให้ข้อมูลการสร้างธุรกิจให้กับนักธุรกิจกิฟฟารีนในงานประชุมนักธุรกิจทั่วประเทศ อีกทั้งยังเน้นการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจขายตรงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งวางแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 15-20 รายการ ทั้งนี้แผนการตลาดครึ่งปีหลังบริษัทไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน เพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่หดตัวลง ส่งผลให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง
ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 80 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่องใหม่ในครึ่งปีหลัง นำร่องภาพยนตร์โฆษณาชิ้นแรก “Believe Me” เน้นการสื่อสารความในใจของคนในสังคมเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สนใจทำธุรกิจกิฟฟารีน เพราะภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง บริษัทจึงเน้นการนำเสนอทางเลือกของชีวิต โดยโฆษณาดังกล่าวเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุระหว่าง 28-35 ปี โดยมีวุฒิการศึกษาระดับอุดมศึกษาไปต้นไป ส่วนภาพยนตร์ชุดที่ 2 เน้นการส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจและองค์กรกิฟฟารีน เนื่องจากคนจำนวนมากยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง เพราะมีธุรกิจขายตรงบางบริษัทมีธุรกิจแอบแฝง
“ภาวะตกงานที่เกิดขึ้น มีโอกาสที่จะทำให้คนหันมาดำเนินธุรกิจขายตรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นอาชีพที่เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่โอกาสในการขายก็มีน้อยสำหรับคนตกงาน เนื่องจากขาดการมีสังคม ส่วนการที่บริษัทหันมามุ่งเน้นนักธุรกิจรุ่นใหม่มากขึ้น เป็นเพราะมีความฉลาดและมีความคิดอยากเป็นเจ้าของกิจการ”
สำหรับแผนด้านการส่งออกบริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันนี้ส่งออกไปแล้ว 30 ประเทศ อาทิ เกาหลี ออสเตรเลีย เยอรมันนี สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เป็นต้น แม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่บริษัทได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากรายได้การส่งออกยังน้อย ประกอบกับมีการสั่งซื้อวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิต ทำให้สามารถรักษาความสมดุลย์ของรายได้ สำหรับคู่แข่งที่สำคัญในตลาดต่างประเทศในขณะนี้ ได้แก่ ประเทศอินเดีย เวียดนาม และจีน
ภาวะธุรกิจขายตรงปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% สำหรับผลประกอบการของบริษัทในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% โดยมีรายได้ 3,800 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้ 1,800 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนจำนวนนักธุกกิจเพิ่มจาก 3 หมื่นรหัสต่อเดือน เป็น 3.8 หมื่นรหัสต่อเดือน โดยในช่วงที่มีโฆษณาใหม่จะเพิ่มถึง 5 หมื่นรหัสต่อเดือน สำหรับยอดสมาชิกนักธุรกิจในไตรมาสแรกมีราว 4.3 แสนราย แบ่งเป็น ผู้บริโภค 80% และเป็นนักธุรกิจ 20% และจากการดำเนินกิจกรรมในเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 -2,200 ล้านบาท
|
|
|
|
|