Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 กรกฎาคม 2550
หวั่น"ดีมานด์เทียม"ดันคอนโดฯโต155%             
 


   
search resources

โสภณ พรโชคชัย
Real Estate
วสันต์ คงจันทร์




“AREA” ชี้คอนโดฯระดับราคา 1-2 ล้านบาทแรงต่อเนื่อง ระบุครึ่งปีแรกมีส่วนแบ่งในตลาดกว่า 60% เพิ่มขึ้นจากปี49กว่า 20% ขณะที่ยอดระบายออกยังสูงถึง 80% เหตุความต้องการซื้อโตกว่า 155% หวั่นความต้องการเติบโตสูงแฝงความต้องการซื้อเทียมจากกลุ่มเก็งกำไร เตือนนักเก็งกำไรอาจเจ็บตัว เผย 2 สัญญาณคอนโดฯล้นบางทำเลและยอดขายอืด ราคาขายเริ่มนิ่ง

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 พบว่าจำนวนสินค้า(ซัปพลาย) คงเหลืออยู่ในตลาดรวม 98,000 หน่วย โดยเป็นโครงการที่เปิดตัวใหม่34,930 หน่วย และเป็นซัปพลายเหลือขายจากปี49 จำนวน 62,000 กว่าหน่วย ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา อัตราการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงกว่า 50% เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเดียวกันของปี49 ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกของปี 2549 มีโครงการใหม่เปิดตัว 383 โครงการ แต่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เปิดโครงการใหม่เพียง 183 โครงการคิดเป็นจำนวน 34,930 หน่วย หรือมีมูลค่ารวม82,394 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ 97% คิดเป็นจำนวน33,815 หน่วยหรือมีมูลค่ากว่า 72,766 ล้านบาท

“ แม้ว่าจำนวนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้จะมีน้อยลง แต่จำนวนยูนิตกลับมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี49 ถึง 2% แต่ระดับราคาขายกลับปรับตัวลดลงถึง10% เนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อลดลง ประกอบกับผู้พัฒนาโครงการหันมาทำที่อยู่อาศัยในระดับราคาต่ำลงด้วย”

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวของตลาดคอนโดฯอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยในครึ่งปีแรกมีซัปพลายออกสู่ตลาดถึง 60%ของมูลค่ารวมตลาด หรือมีจำนวนหน่วยรวม 78,000 หน่วย จากเดิมที่ในช่วงเดียวกันของปี49 มีซัปพลายประเภทคอนโดฯเข้ามาประมาณ 49% สะท้อนให้เห็นว่าจำนวนการเปิดตัวโคงการคอนโดฯใหม่ในตลาดรวม มีการขยายตัวที่สูงมากทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดปัญหาสินค้าล้นตลาด (โอเวอร์ซัปพลาย)ในตลาดประเภทคอนโดฯ

สำหรับคอนโดฯที่เกิดใหม่ในช่วง 6 เดือนแรกนี้ของปีนี้ ประมาณ 94% เป็นกลุ่มในตลาดระดับกลาง-ล่างราคาขายเฉลี่ยที่ 1-2 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการคอนโดฯระดับ3-5 ล้านบาทขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการเพิ่มเข้ามาของซัปพลายในตลาดคอนโดฯราคา1-2 ล้านบาท จะมีจำนวนมาก แต่อัตราการระบายออก(ดูดซัป) หรือการขายเฉลี่ยต่อโครงการส่วนใหญ่ อยู่ในระดับ 80% ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายแล้ว

ด้านนายวสันต์ คงจันทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า จากการสำรวจตลาดยังพบอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวของความต้องการซื้อ (ดีมานด์) คอนโดฯราคา1-2 ล้านบาท ขยายตัวที่สูงถึง155% จากการขยายตัวทางด้านดีมานด์ดังกล่าว ทำให้จำนวนซัปพลายที่เข้ามาในตลาดสามารถระบายออกได้ไวขึ้น ซึ่งจากการสำรวจตลาดคอนโดฯใน 6 ทำเลหลักของบริษัท เอเจนซี่ ฯ พบว่า ในปีนี้จำนวนคอนโดฯในตลาดรวมมีจำนวน 78,000 หน่วย ที่เปิดตัวในช่วงปี1-2 ปีที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้ มีการขายไปแล้ว62,000 ยูนิตคิดเป็น 80%

สำหรับจำนวนยูนิตที่ยังเหลือขายอยู่ในตลาด ณ ปัจจุบันมีจำนวน16,000 ยูนิต กระจายอยู่ใน 6 ทำเลหลัก โดยมีอัตราเฉลี่ยขายต่อเดือนประมาณประมาณ 54 ยูนิตต่อโครงการต่อเดือน คาดว่าภายใน 6-8 เดือน จำนวนโครงการเหลือขายจะถูกระบายออกหมด โดยในทำเลแรกอยู่ในย่านรัชดา-ลาดพร้าว มีซัปพลายอยู่ 7,500 ยูนิต ระบายออกไปแล้ว 80% เหลือ 2,200 ยูนิต, ย่านเพลินจิต-สุขุมวิทตอนต้น มีอยู่ 17,000 ยูนิต ขายไปแล้ว 83% เหลือ 2,800 ยูนิต, ย่านสีลม-พระราม 3 มีอยู่ 10,800 ยูนิต ขายไปแล้ว 79% เหลือ 2,300 ยูนิต, ฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา มีอยู่ 8,800 ยูนิต ขายไปแล้ว 83% เหลือ 2,400 ยูนิต,ย่านอ่อนนุช-แบริ่ง มีอยู่ 8,500 ยูนิต ขายแล้ว 80% เหลือ 1,700 ยูนิต และบริเวณรอบนอก อาทิ รามคำแหง,รังสิต, ตลิ่งชัน มีซัปพลายอยู่16,000 ยูนิต ขายไปแล้ว71% เหลือ 4,500 ยูนิต

“ทำเลที่น่าเป็นห่วงว่า อาจจะเกิดการโอเวอร์ซัปพลาย คือ ทำเลย่านสุขขุมวิทซอยต้นๆ อาทิ ย่านเพลินจิต –อโศก เนื่องจากทำเลดังกล่าวมีโครงการราคาแพงจำนวนมาก ทำให้ระบายออกได้ช้า

ขณะเดียวกันราคาขายก็ไม่สามารถปรับขึ้นได้ ส่วนอีกทำเลคือย่านพระราม3 เนื่องจากเป็นทำเลที่ไม่มีระบบรถไฟฟ้ารองรับการเดินทางทำให้ยอดขายช้ามากที่สุดใน 6 ทำเลหลัก ”

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการเติบโตของดีมานด์ในตลาดคอนโดฯจะมีสูงถึง 155% ทำให้การระบายออกซัปพลายยังดีอยู่ แต่สิ่งที่น่าห่วง คือ อัตราการขยายตัวของความต้องการซื้อดังกล่าว จะมีดีมานด์แฝง ซึ่งเป็นกลุ่มนักเก็งกำไรอยู่จำนวนมาก อาจจะส่งผลเสียต่อตลาดในระยะยาว เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้นักลงทุนซื้อคอนโดฯเพื่อเก็งกำไรเหมือนในปี 2540 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าช่วงดังกล่าว ขณะเดียวกันราคาคอนโดฯมีแนวโน้มปรับตัวลดง ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นจุดสูงสุดของตลาดคอนโดฯ และจากนี้ไปนี้ เป็นช่วงขาลงของตลาดคอนโดฯ และ หากมีการซื้อเพื่อเก็งกำไรในช่วงนี้อาจเจ็บตัวได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us