Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 กรกฎาคม 2550
จัสโก้มักน้อยยึดแค่กทม.             
 


   
search resources

Retail
อิออน ไทยแลนด์, บจก.




ปลดแอกจัสโก้ หลังออกจากแผนฟื้นฟูแล้ว เปิดแผนรุกหนัก เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป้าอีก 3 ปี รายได้ทะลุ 7,000 ล้านบาท ผุดสาขาครบ 25 แห่ง เล็งแท่นผู้นำซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงเทพฯ ซุ่มศึกษารูปแบบค้าปลีกขนาดเล็ก หนีกฎหมายค้าปลีกคุมเข้ม เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก โกยแล้ว 900 ล้านบาท

นายเออิจิ บาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน ไทยแลนด์ จำกัด ผู้บริหาร จัสโก้ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้ดำเนินการตามแผนงานทุกอย่าง จนครบถ้วนตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟู และได้รับอนุมัติจากศาลล้มละลายกลางให้ออกจากแผนฯได้ในวันที่ 18 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทฯมีความมั่นคงด้านการเงิน ไม่มีภาระหนี้สินใดๆทั้งสิ้น ทำให้มีความพร้อมในการรุกธุรกิจจากนี้ไปเต็มที่ ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่ อิออน ไทยแลนด์ เพื่อใช้ศักยภาพของอิออนที่เป็นบริษัทแม่ในการเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจ

อย่างไรก็ตามในแง่ของทุนจดทะเบียนมี 308.2 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการขยายตัวจากนี้ แต่ในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้นนั้นยังคงเดิมคือ ประกอบด้วย 1.อิออนกรุ๊ป ญี่ปุ่น 2.อิออน อเมริกา ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 49% 3.ผู้ถือหุ้นที่เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยอีก 51% และอยู่ระหว่างพิจารณาเช่นกันว่า จะเปลี่ยนชื่อใหม่อย่างไรดีที่จะมีความเหมาะสม

ยึดตลาดกทม.

แผนงาน 3 ปีจากนี้ (2551-2553) จะต้องมียอดขายรวม 7,000 ล้านบาท มีสาขารวม 25 สาขา มีผลกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 320 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีรายได้รวมของปี 2549 ที่ 1,967 ล้านบาท มีสาขารวม 7 สาขา และตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลให้ได้ภายในปี 2558 จากอดีตที่เคยมีสาขามากที่สุดในปี 2543 จำนวน 14 สาขา

เหตุผลที่มุ่งเน้นตลาดกรุงเทพฯและปริมณฑลแม้ว่าจะมีพื้นที่รวมเพียงไม่เกิน 3% จากพื้นที่ทั้งประเทศ แต่ก็มีมูลค่าการบริโภคสูงถึง 50% ครึ่งหนึ่งแล้ว อีกทั้งรายได้ต่อครัวเรือนมีสูงถึง 33,088 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ขณะที่รายได้ต่อครัวเรือนเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 17,787 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะนำรูปแบบธุรกิจที่อิออนมีอยู่ในต่างประเทศเข้ามาเปิดให้บริการในไทย เช่น เวลเซีย ร้านขายยา, มินิสต๊อป ร้านคอนวีเนียนสโตร์, แม็กซ์แวลู ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่, จัสโก้ คอนเซ็ปท์จีเอ็มเอสที่มีพื้นที่มากกว่า 20,000 ตารางเมตร เป็นต้น และการขยายซูเปอร์มาร์เก็ตใน 2 ขนาดคือ พื้นที่ 1,000 ตารางเมตรกับพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รวมทั้งแผนการเปิดบริการธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กพื้นที่ไม่เกิน 200-300 ตารางเมตรให้บริการด้วย หากกฎหมายค้าปลีกมีผลบังคับใช้และจะกระทบต่อการขยายสาขาขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันสาขาของจัสโก้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000-1,500 ตารางเมตรต่อสาขา แต่สาขาใหญ่ที่สุดคือ รัชดาภิเษก พื้นที่มากกว่า 3,300 ตารางเมตร

นายเออิจิกล่าวด้วยว่า ยุทธศาสตร์การขยายสาขาและการหาทำเลนั้นจะเปิดกว้าง ทั้งการลงทุนพัฒนาเอง และการไปเช่าพื้นที่ในโครงการของนักพัฒนารายอื่น ซึ่งบริษัทฯก็ยังมีการประสานงานกับพันธมิตรเดิมคือ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งผู้พัฒนาที่ดินรายอื่นด้วยแล้วแต่ความเหมาะสมและทำเล

ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาที่เช่าอยู่ในพื้นที่บริษัทอื่นคือ บางบอน ประชาอุทิศ รังสิตคลอง 2 ส่วนที่เหลือนั้นเป็นการพัฒนาเองโดยบริษัทฯในปีนี้คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการ และคาดว่าจะปิดยอดขายปีนี้ที่ 2,000 ล้านบาท โดยสาขาล่าสุดที่เปิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา คือที่ รังสิตคลอง 2 มีพื้นที่บริการเพียง 1,000 ตารางเมตร อาคาร 1 ชั้น จอดรถได้ 113 คัน เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เป้าหมายยอดขายสาขานี้ที่ 222 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสาขานี้ตั้งอยู่ท่ามกลางผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด 3 รายใหญ่ ที่มีพื้นที่บริการมากกว่า 10,000 ตารางเมตร

ครึ่งปีแรกยิ้มออกหลังปรับใหม่

สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้พบว่า มียอดขายรวม 912 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่ไตรมาสที่ 1 มีรายได้ 449 ล้านบาท เติบโต 1.5% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และไตรมาสที่สองปีนี้มีรายได้รวม 462 ล้นบาท เติบโต 1% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ส่วนผลกำไรไตรมาสแรกปีนี้มี 6 ล้านบาท ไตรมาสที่สองกำไร 8 ล้านบาท และครึ่งปีแรกกำไร 15 ล้านบา ท และเมื่อเทียบเป็นอัตราส่วนพบว่า ไตรมาสที่หนึ่งเติบโต 11% ไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้น 7% และครึ่งปีแรกกำไรเติบโต 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วตามลำดับ

สาเหตุที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเนื่องจากว่า 1.บริษัทฯได้พยายามเพิ่มฐานสมาชิกผู้ถือบัตร จัสโก้การ์ดมากขึ้น ปัจจุบันมีจำนวน 12,000 ราย และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 1 แสนรายในปี 2553 และงดการขายสินค้าในลักษณะโฮลเซลแต่เน้นการขายให้กับลูกค้าปรกติในรูปแบบเอนด์ยูสเซอร์ 2.ใช้กลยุทธ์เปิดบริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งเริ่มทดลองแล้ว 3 สาขาที่ ประชาอุทิศ ศรีนครินทร์และ สาขาใหม่ที่ รังสิตคลอง 2

3.ใช้กลยุทธ์เว้นส์เดย์มาร์เก็ตติ้ง (Wednesday Marketing) เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของจัสโก้จะมุ่งเน้นจับกลุ่มในละแวกพื้นที่ใกล้เคียง ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความถี่ในการเข้าใช้บริการมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์นี้ก็สามารถดึงให้เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งมีโปรโมชั่นราคาด้วย ขณะนี้เริ่มทดลอง 3 สาขา คือ รัชดาภิเษก ประชาอุทิศ และสุขุมวิท ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 150-200% จากช่วงเดียวกันเดือนที่แล้ว

นอกจากนั้นบริษัทฯยังได้มุ่งเน้นทางด้านกลุ่มอาหารสดเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจีพีสูงอยู่แล้วด้วย และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในกลุ่มของอาหารรวมเป็น 50%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us