|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
TPC ไตรมาส 2 ปีนี้กำไรหดกว่า 32% ผลจากราคาวัตถุดิบทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และรายได้เงินปันผลที่ลดลง ขณะที่การปรับวิธีการลงบัญชีบริษัทปรับวิธีตามวิธีราคาทุน จะทำให้กำไรในไตรมาสและงวดครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น
นายอำพล เรืองธุระกิจ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มสนับสนุนธุรกิจ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ สิ้นสุด30 มิถุนายน 50 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ(งบรวม) มีกำไรสุทธิ 384.71 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 567.11 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงจาก 0.65 บาทเหลือ 0.44 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 32.16%
ขณะที่ในกำไรสุทธิงบเฉพาะกิจการในไตรมาสนี้พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 370.28 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 826.74 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงจาก 0.94 บาทเหลือ 0.42 บาทต่อหุ้น อันเป็นผลจากบริษัท ฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิงวดนี้ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 32 % ซึ่งเป็นผลกระทบหลักจากปัจจัยด้านราคาวัตถุดิบที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก และรายได้เงินปันผลที่ลดลง
สำหรับไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายและต้นทุนขายบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และจากการให้บริการรวม 6,573 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 780 ล้านบาท คิดเป็น 13 %โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณ และ ราคาขายที่เพิ่มขึ้น โดยรายได้จาการขายในไตรมาสนี้เป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์พีวีซี 80% จากผลิตภัณฑ์ท่อและผลิตภัณฑ์พลาสติกสำเร็จรูป 19 % และรายได้ อื่น ๆ 1 % ของรายได้จากการขายรวม ตามลำดับ สัดส่วนรายได้ของผลิตภัณฑ์พีวีซี 43% เป็นการขายภายในประเทศ 57% เป็นการส่งออกและผลจากการขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศ
ขณะที่ ต้นทุนขายในไตรมาสนี้ มีต้นทุนขายรวม 5,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบหลักคือ อีดีซีและ เอทธิลีน ซึ่งปรับขึ้นไปสูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนมาก และรายได้อื่นลดลงจากปีก่อน 97% เพราะไตรมาสนี้ปีก่อนบริษัทและบริษัทย่อยได้รับเงินปันผลสูง
สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ บริษัท ฯ และบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 469 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4 %ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายทางการเงิน 55 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 6 %
ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 บริษัท ฯ และบริษัทย่อย มีอัตราส่วนหนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.88 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราส่วนเท่ากับ 0.84 เท่า
นอกจากนี้ การที่บริษัทปรับวิธีการลงเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานนั้น ตั้งแต่ต้นปี 2550 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีเงินลงทุนใน บริษัทย่อย และ บริษัทร่วม ตามประกาศของสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่ 26/2549 เรื่องการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 44 เรื่อง งบการเงินรวมและการบัญชีสำหรับเงิน ลงทุนในบริษัทย่อย เป็นวิธีราคาทุน ส่งผลให้กำไรสุทธิมีผลแตกต่าง คือกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปีนี้ระหว่างงบการเงินรวมและงบเดี่ยวคือ 14 ล้านบาทและงวดครึ่งปี 60 ล้านบาท
|
|
|
|
|