“อนันดา” กว้านซื้อที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน- บีทีเอส ผุดโครงการคอนโดฯ แบรนด์ “IDEO”มูลค่าขาย 20,000 ล้านบาท แจงครึ่งปีแรกใช้งบ30% จากงบลงทุนรวม 100 ล้านเหรียญยูโร ซื้อที่ดินพัฒนาคอนโดฯ 6 โครงการ พร้อมลุยใช้งบส่วนที่เหลือซื้อต่ออีกในช่วงครึ่งปีหลัง เผย “IDEO ลาดพร้าว17”มียอดขายแล้ว 50% ส่วนแนวราบเตรียมผุดต่ออีก 3 โครงการย่านสุวรรณภูมิ ตามแผนเปิดตัวทั้งปี7โครงการ มูลค่ากว่า13,000 ล้านบาท
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่เพิ่มอีก 5 โครงการ หลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวโครงการ IDEO Ladprao17 มูลค่า 800 ล้านบาทไปแล้ว โดยขณะนี้โครงการดังกล่าวมียอดขายแล้ว 50% ซึ่งในการเปิดตัวโครงการใหม่ 5 โครงการดังกล่าวนั้น บริษัทได้ซื้อที่ดินสะสมรอการพัฒนาแล้ว(แลนด์แบงก์)ทั้งหมด 5 แปลง แต่ละแปลงมีขนาดที่ดินไม่เกิน 7 ไร่ สำหรับทำเลที่บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ จะตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน และรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่เปิดให้บริการแล้วบนที่ดินของบริษัทแล้ว 2 แปลง ส่วนที่เหลืออีก 3 แปลงจะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว อ่อนนุช-แบริ่ง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะซื้อที่ดินในแนวรถไฟฟ้าเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก โดยมีงบประมาณในการซื้อที่ดินเหลืออีก 70% จากงบประมาณรวม 100 ล้านเหรียญยูโร ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้เงินในการซื้อที่ดินไปแล้ว 30% จากการสนับสนุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทีเอ็มดับบลิว เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ 1 ภายใต้การบริหารงานของ ไพร์มอเมริกา เรียลเอสเตท อินเวสเตอร์ จากสหรัฐ โดยบริษัทจะยังคงคอนเซ็ปต์ “IDEO” ซึ่งเน้นจับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ในโครงการอนาคต
“อนันดาฯ ได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนจากกองทุน อสังหาริมทรัพย์ ทีเอ็มดับบลิวฯ ในการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการดังกล่าว 100 ล้านยูโร ซึ่งในปี50นี้ อนันดาฯ ได้ซื้อที่ดินในแนวรถไฟฟ้ามา 6แปลง และได้พัฒนาไปแล้ว 1 แปลง คือโครงการ “Ideo ล้าดพร้าว 17” ส่วนที่เหลืออีก 5 แปลงจะเร่งพัฒนาภายในปีนี้ โดยทั้ง6โครงการนี้มีมูลค่าจากขายรวม 6,300 ล้านบาท สำหรับ เงินงบประมาณทั้งหมด 100 ล้านเหรียญยูโรนี้ หากมีการซื้อที่ดิน และพัฒนาโครงการทั้งหมดแล้วคาดว่าจะมีมูลค่าขายรวมประมาณ 20,000 ล้านบาท”
นายชานนท์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้น บริษัท ได้รับการสนับสนุนเงินงบประมาณในการซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการแนวราบ จากกองทุน อสังหาริมทรัพย์ ทีเอ็มดับบลิวฯ จำนวน 75 ล้านเหรียญยูโร โดยสามารถซื้อที่ดินในโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ ย่านสนามบินสุวรรณภูมิเข้ามารอการพัฒนาโครงการ เป็นเงินทั้งหมด 54 ล้านเหรียญยูโร ซึ่งที่ดินดังกล่าว บริษัทมีการแบ่งการพัฒนาออกเป็น 7 โครงการ คิดเป็นจำนวนการพัฒนาประมาณ 4,000 หน่วย หรือมีมูลค่าขายรวมประมาณ 13,000 ล้านบาทโดยในช่วงครึ่งปีแรก มีการพัฒนาไปแล้ว 4 โครงการ
ทั้งนี้ แม้ในช่วงครึ่งปีหลัง ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะชะลอตัว เนื่องจากปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ที่จะเกี่ยวโยงไปถึงรายได้ของลูกค้าในอนาคต อย่างไรก็ตาม ด้วยศักยภาพของที่ดินในย่านสุวรรณภูมิแล้ว การเติบโตจะมีลักษณะเป็นไปตามธรรมชาติของเมืองเช่นเดียวกับประเทศประเทศอื่ๆน ที่จะเห็นความเจริญของเมืองหลังการเกิดขึ้นของสนามบิน เพียงแต่ต้องมีการสนับสนุนด้านการลงทุนสาธารณูปโภคของภาครัฐของไทย ซึ่งมีระบบระเบียบอยู่แล้ว แต่บริษัทยังเชื่อมั่นว่า ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวยังมีอยู่ ดังนั้น ทางบริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 3 โครงการ
สำหรับ โครงการแนวราบที่มีการเปิดตัวไปแล้ว 4 โครงการ ในย่านสนามบินสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย โครงการ มัลดีฟส์ ปาล์ม ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ราคาเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท มูลค่าขายรวม 1,724 ล้านบาท มีเนื้อที่การพัฒนา 80 ไร่ โครงการลันตา รีสอร์ทไลฟ์ บ้านเดี่ยว 3-4 ห้องนอนราคาเริ่มต้น 3.49ล้านบาทจำนวน161ยูนิต พื้นที่การพัฒนาโครงการรวม 29 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 815 ล้านบาท โครงการไวกิกิ ชอร์ มีพื้นที่การพัฒนาโครงการรวม 38 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 933 ล้านบาท และโครงการสิมิลัน รีฟ พื้นที่โครงการรวม 53 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 1,053 ล้านบาท
ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อนันดาฯ มีแผนจะเปิดโครงการใหม่อีก 3โครงการประกอบด้วย โครงการ มัลดีฟ บัช มีพื้นที่การพัฒนาโครงการรวม 122 ไร่ มูลค่าขายรวม 2,658 ล้านบาท โครงการ จาวา เบย์ มูลค่าโครงการรวม 1,600 ล้านบาท โดยจะพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 200 กว่ายูนิต ราคาขาย 4- 7 ล้านบาท บนเนื้อที่การพัฒนาโครงการ 45 ไร่ และโครงการ บาหลี บีช โครงการทาวน์เฮาส์ราคาเริ่มต้น ต่ำกว่า 1ล้านบาท จำนวน2,000 ยูนิต และบ้านแฝด ราคาเริ่มต้น1.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 3,850 ล้านบาท
|