Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 กรกฎาคม 2550
ที.ซี.ซี.เทงบ8พันล.ปูพรมโรงแรม             
 


   
search resources

ที.ซี.ซี. แลนด์, บจก.
วัลลภา ไตรโสรัส
Real Estate




นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.ซี.ซี. แลนด์ ทายาทเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนในการนำทรัพย์ประเภทที่ดิน และอาคารเก่าที่จะนำมาปรับปรุงออกมาดำเนินการพัฒนาว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติงบลงทุนเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการโรงแรม 5 แห่ง ประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท โดยที่ตั้งของโครงการโรงแรมจะมีทั้งที่อยู่ในกรุเทพฯและต่างจังหวัดตามแหล่งท่องเที่ยว อาทิเช่น โครงการโรงแรมบนถนนสุรวงศ์ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์เลอเมอร์ริเดียน ,โครงการโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์บนถนนสุรวงศ์ ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับบ้านของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี รวมถึงโครงการที่สาทร

ในส่วนของการพัฒนาโครงการโรงแรมต่างจังหวัด จะมีทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ บนเนื้อที่ประมาณ 4-5 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท มีห้องพักประมาณ 400 ห้อง ห้องสัมมนาขนาดใหญ่ พื้นที่ค้าปลีกที่จะสามารถรองรับการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยได้จำนวนมาก ซึ่งคอนเซ็ปต์ที่วางไว้จะพัฒนาให้มีรูปแบบคล้ายกับโครงการเกษร พลาซ่าบนถนนราชดำริ และโครงการบนเกาะสมุยมีหลากหลายรูปแบบ เป็นต้น

นอกจากนี้ ทางที.ซี.ซี.แลนด์ ยังได้มีแผนที่จะขยายตลาดเข้าไปสู่โรงแรมระดับ 3 ดาว ภายใต้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อ "BUDGET" หรือ "ห้องพักราคาถูก" ซึ่งจะเป็นโรงแรมขนาดห้องพักไม่มาก ประมาณ 100 ห้อง เป็นห้องพักที่สะอาด ให้บริการไม่มาก ตลาดที่จะเข้าไปจะมีทั้งตามแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่จำเป็นต้องติดชายหาด แต่สามารถเดินทางเข้าและออกได้สะดวก และหากเป็นใน

ส่วนของกรุงเทพฯแล้ว ทำเลที่ตั้งของโรงแรมภายใต้แบรนด์ใหม่นี้ จะต้องสามารถเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหรือรถไฟใต้ดินได้ง่าย

" แบรนด์BUDGET ถือเป็นซับแบรนด์ ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจโรงแรม จากที่ปัจจุบันที่มีแบรนด์อิมพีเรียล ที่เน้นตลาดระดับบน ซึ่งตามแผนแล้ว เราจะปูพรมแบรนด์ใหม่ทั่วประเทศ แต่ในขณะนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากกว่านี้ "

อนึ่ง แผนการลงทุนในโครงการโรงแรม เป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจในระยะ 5 ปีของบริษัท ที.ซี.ซี.แลนด์ฯ ที่กำหนดไว้ว่า จะมีการนำที่ดินและอาคารเก่ามาปรับปรุงและนำออกมาพัฒนาอย่างเร่งด่วนถึง 18 โครงการ รวมมูลค่าที่จะเกิดขึ้น หากดำเนินการตามแผนธุรกิจที่วางไว้กว่า 100,000 ล้านบาท

นางวัลลภา กล่าวถึงความก้าวหน้าของแผนการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่บนที่ดินชะอำ จ.เพชรบุรี (เลยแหลมผักเบี้ย) บนเนื้อที่กว่า 10,000 ไร่ ว่า ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรหลัก (มาสเตอร์ ดีเวลลอปเม้นท์) ส่วนที่ดินที่อำเภอบางไทร จ.อยุธยา เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ อยู่ในขั้นศึกษา

ชิงไหวพริบเปิดคอนโดฯ"วิลล่า สาทร"

ในส่วนของธุรกิจบริษัท ที.ซี.ซี.แคปปิตอล แลนด์ จำกัด ขณะนี้ยังคงมีความเคลื่อนไหวในด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้เวลา 9.39 น. ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท ที.ซี.ซี.แคปปิตอล แลนด์ จำกัด นำโดยนายเฉิน เหลียน ปัง ประธานกรรมการบริหาร ,นายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการบริหาร และนางวัลลภา ไตรโสรัส กรรมการบริหารบริษัทฯ ใช้เป็นฤกษ์ในการตัดริบบิ้น เปิดโครงการคอนโดมิเนียม "วิลล่า สาทร"ซึ่งติดสถานีรถไฟฟ้าเจริญนคร เป็นสถานีแรกที่ข้ามฝั่งมายังฝั่งกรุงธนบุรี

นางวัลลภากล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ 3 E คือ E1ความสะดวกในเรื่องของทำเลที่ตั้งติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเจริญนคร , E2 สนองตอบไลฟ์สไตล์ให้แก่คนในเมือง ทั้งในเรื่องของสวนในอาคารที่สวยงาม ที่เหมาะสมกับคนเมือง และ E3 เรื่องของราคาที่สุดคุ้มค่าภายใต้คุณภาพดีเยี่ยม โดยเป็นโครงการแรกที่เปิดตัวในทำเลดังกล่าว

อนึ่ง จากการตรวจสอบโครงการคอนโดมิเนียมของผู้ประกอบการรายอื่นๆ พบว่า บริษัทขนาดใหญ่มีแผนลงทุนโครงการบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสาทร-ตากสิน อาทิเช่น บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีที่ดินถัดไปจากโครงการวิลล่า สาทร , บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ บริษัทรสา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นต้น เฉพาะบริษัทที่ได้เปิดตัวโครงการและอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม ปรากฎว่ามีจำนวนซัปพลายของคอนโดมิเนียมเข้าสู่ตลาดเฉพาะบริเวณรอบรัศมีรถไฟฟ้าเส้นดังกล่าวถึง 2,500 ยูนิต มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท

"แต่ละโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็อยู่ที่คอนเซ็ปต์และคิดว่าแต่ละโครงการจะมีความแตกต่างกัน ขณะที่โครงการวิลล่า สาทร สามารถเห็นทัศนีย์ภาพของเมืองและของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยตนคิดว่าเรื่องของการแข่งขัน ขึ้นอยู่ที่จังหวะและเวลา หรือจะพูดง่ายๆว่า เปิดก่อนได้เปรียบกว่าคู่แข่ง ทั้งนี้ราคาขายต่อตารางเมตรในช่วงก่อนเปิดโครงการอยู่ที่ 58,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ล่าสุดขยับมาอยู่ที่ 60,000 บาทต่อตารางเมตร "นางวัลลภากล่าว

สำหรับโครงการวิลล่า สาทร คอนโดฯ ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 60% จากยูนิตรวม 642 ยูนิต ขนาดยูนิตที่มียอดซื้อ เช่น สตูดิโอ 38-42 ตร.ม. ขนาด 1 ห้องนอน 49.5-59.5 ตร.ม.และขนาด 3 ห้องนอน 155 ตร.ม.ที่ขายหมดแล้ว และมีลูกค้าจำนวนมาก ต้องการขนาด 2 ห้องนอน 88.5-89 ตร.ม.

กรรมการบริหาร กล่าวถึงภาพรวมของบริษัท ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ฯในปี 2550 คาดว่า ในปีนี้น่าจะสามารถเปิดโครงการคอนโดฯ ได้ 3 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการระดับหรูในพื้นที่นอร์ธ ปาร์ค ที่มีทั้งวิลล่า และที่อยู่อาศัย รวมกว่า 130 ยูนิต ราคาเปิดตัวประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร รวมมูลค่าโครงการเกือบ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ปลายปีนี้ และทางบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะลงทุนเพิ่มอีก 1 โครงการ หากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจเอื้ออำนวย โดยพิจารณาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวแบริ่ง เช่น บริเวณใกล้เส้นบางนา แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาถึงความเป็นไปได้ของโครงการ

" เรายอมรับว่า ปกติแล้วบริษัทจะสามารถเปิดโครงการได้ประมาณ 4-6 โครงการ แต่ปีนี้ถือว่าต่ำกว่าเป้าลงมาอยู่ที่ประมาณ 3 โครงการ แต่เชื่อมั่นว่าในปี 2551 ทางบริษัทจะสามารถเปิดโครงการได้ 4-6 โครงการ ส่วนรายได้ในปีนี้ น่าจะมีตัวเลขที่ 4,000 ล้านบาท โตขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รายได้หลักมาจากโครงการแอทธินี เรซิเด้นท์ และคาดว่าปี 2551 รายได้จะกระโดดเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท โดยในปีหน้าจะมีการลงทุนโครงการใหม่ 6 โครงการ แยกเป็นคอนโดฯ 4 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ โดยโครงการแนวราบอยู่ระหว่างศึกษาที่จะใช้พื้นที่ในโครงการนอร์ธ ปาร์ค หรือที่ดินย่านเกษตร-นวมินทร์ "   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us