คำกล่าวที่ว่า "สามเหลี่ยมทองคำ เหมือนแดนสนธยา" นั้น เป็นที่รับรู้กันว่า น้ำหนักจะเทไปในพื้นที่ฝั่งพม่ามากกว่าประเทศอื่นๆ อย่าง จีน ลาว และไทย ซึ่งนอกจากจะมีปัญหาการเมืองภายในที่ต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปีแล้ว ยังเป็นเพราะปัญหาชนกลุ่มน้อยที่ยังมีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่อยู่ โดยเฉพาะรัฐฉานที่เป็นส่วนหนึ่งของ "สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ"
และนั่นทำให้ถนนสาย R3b ที่เริ่มต้นจากท่าขี้เหล็ก รัฐฉานของพม่า (ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย) เชียงตุง-เมืองลา (ชายแดนพม่า-จีน) ระยะทาง 253 กิโลเมตรซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับถนนในจีนที่ต้าลั้ว-เชียงรุ่ง เขตปกครองพิเศษสิบสองปันนาได้นั้น แม้ว่าการพัฒนาเส้นทางจะเสร็จสมบูรณ์เป็นถนนลาดยางขนาด 2 ช่องจราจร ตั้งแต่ปลายปี 2547 ที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งเป็นฝีมือของบริษัทหงปังอิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต จำกัด กิจการในเครือข่ายของกลุ่มว้าแล้วก็ตาม
แต่การใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทั้งจากจีน-ไทย และไทย-จีน ยังมีปัญหาอยู่ไม่น้อย
ซึ่งปัญหาที่ผู้ที่ผ่านไปมาบนเส้นทางสายจะเห็น และสัมผัสได้ก็คือ "ด่าน" ที่มีมากกว่า 10 จุด เป็นด่านหลัก 3 ด่าน โดยเฉพาะช่วงท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง ระยะทาง 163 กิโลเมตร ที่เป็นช่วงที่บริษัทหงปังรับสัมปทานมาจากรัฐบาลพม่า
โดย 3 ด่านหลักดังกล่าว คือด่านที่ท่าขี้เหล็ก, ท่าเดื่อ และเชียงตุง ที่จัดเก็บค่าผ่านทางต่อจุด (อัตราปัจจุบัน) ในอัตรารถ 4 ล้อ 1,000 จั๊ต (27 บาท), รถตู้ 1,500 จั๊ต (40 บาท), สิบล้อ 12,500 จั๊ต (340-350 บาท) แต่ถ้าน้ำหนักเกินจะคิดเพิ่ม ส่วนด่านอื่นๆ จะมีทั้งด่านของรัฐบาลที่มี 3 ด่านหลัก, ด่านของหน่วยงานด้านความมั่นคง 2 ด่านหลัก ไม่รวมด่านเล็กด่านน้อยอีก ที่ผู้ผ่านทางจำเป็นต้อง "จ่าย" มากน้อยขึ้นอยู่กับ "ความเป็นมา" ของเจ้าของรถ-เจ้าของสินค้า
ส่วนช่วงเชียงตุง-เมืองลา ระยะทาง 90 กิโลเมตร รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน แม้มีด่านจัดเก็บค่าผ่านทางเพียง 3 ด่านคือ ก่อนออก เชียงตุง, ตะปิง และด่านเมืองลา ของเขตปกครองพิเศษที่ 4 กลุ่มอูไซลิน เท่านั้นก็ตาม แต่เส้นทางลัดเลาะตามเทือกเขาสูงชัน เมื่อรวมค่าใช้จ่ายผ่านทางตลอดเส้นทางแล้ว หากเป็นสินค้าไทยจะมีต้นทุนค่าผ่านทางสูงถึง 50% ของมูลค่าสินค้า ขณะที่ของจีนจะมีต้นทุนอยู่ที่ 1 ใน 3
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดใช้ถนนเส้นนี้เต็มตัวตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เส้นทางสายนี้ไม่ได้รับความนิยมในการขนส่งสินค้าเท่าใดนัก จะมีเพียงการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น แต่หลังจากวิกฤติโรคซาร์สเมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา จีนได้ปิดด่านต้าลั่ว ตรงข้ามเมืองลาของพม่า ทำให้ธุรกรรมผ่านเส้นทาง R3b เงียบเหงาลงอย่างรวดเร็ว
รวมถึง "เมืองลา" เขตปกครองพิเศษที่ 4 ของ "อูไซลิน" ที่ก่อนหน้านี้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของเส้นทางสายนี้ มีบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่หรูหราหลายแห่งที่เคยคลาคล่ำไปด้วยนักพนันชาวจีนก็พลอยเงียบเหงาลงไปด้วยเช่นกัน
|